“เพื่อไทยพลัสลุง” สูตร “รัฐบาลพิเศษ” !!

“เพื่อไทยพลัสลุง” สูตร “รัฐบาลพิเศษ” !!

เป้าหมายเพียงอย่างเดียวของเพื่อไทย คือต้องเป็นรัฐบาล หวนคืนสู่อำนาจ พร้อมกับโจทย์ใหญ่ คือการกลับบ้านของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องยอมทุกทาง รับทุกเงื่อนไข แม้ว่าจะต้องหันไปญาติดีกับศัตรูตัวเป้งอย่างเครือข่ายลุงก็ตาม

การเดินหน้ารวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย กำลังไต่ระดับจำนวนตัวเลข สส.เพิ่มขึ้นไปทุกขณะ โดยสัปดาห์นี้เป็นช่วงเวลาแห่งการเปิดตัวพรรคที่จะเข้ามาร่วมในเกมอำนาจความน่าสนใจจึงอยู่ที่ว่า เสียงจะเกินกึ่งหนึ่งของสภาล่างไปมากแค่ไหน

แน่นอนว่า หนึ่งในทีมเจรจาอย่างของเพื่อไทยอย่าง เสี่ยอ้วน ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค ที่ส่งสัญญาณผ่าทางตัน ด้วยสูตรการจัดตั้ง “รัฐบาลพิเศษ”

เปิดทางร่วมงานกับทุกฝ่าย พร้อมกับระบุเงื่อนไขสำคัญเรื่องวิกฤติต่างๆ ที่ประเทศและประชาชนกำลังเผชิญ แบ่งออกเป็น 3 เรื่องหลักๆ 1.วิกฤติรัฐธรรมนูญ 2.วิกฤติเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้อง และ 3. วิกฤติความขัดแย้งที่สะสมมานาน 

ขณะที่คนในพรรค นอกพรรค มองว่าเป็นวิกฤติเพื่อไทยเองด้วย

แถมภูมิธรรม ยังเล่นบทพระเอกสำนึกผิด จากที่เคยประกาศฉีกเอ็มโอยู 8 พรรค 312 เสียงทิ้ง“ก้าวไกล”แบบไม่มีอะไรต้องแคร์ 

ก่อนหน้านี้ ภูมิธรรม ยืนยันว่าเสียงที่ได้ ตอนนี้เพียงพอในการจัดตั้งรัฐบาล มีทั้งจากขั้ว 8 พรรคร่วมเดิม จากขั้วรัฐบาลเดิม ต้องมีเสียง สว.อีก ส่วนเสียงโหวตนายกฯ จะแสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่าย

ส่วนเสียงจากพรรคก้าวไกลที่จะโหวตให้นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ภูมิธรรม บอกว่า “ถ้าโหวตให้ก็ขอบคุณ แต่ถ้าไม่โหวตให้ก็ไม่เป็นไร ถ้าพูดด้วยความสุภาพ ไม่กดดันกัน ก็เป็นสิทธิ ที่เพิ่มหรือลดคะแนนให้ เราก็ได้พูดตรงไปตรงมาที่สุด ไม่มีอะไรเคลือบแฝง” 

ตัดกลับมาวันนี้ ที่เพื่อไทยกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับก้าวไกล คือหาเสียงสนับสนุนจากสว.ได้ไม่เพียงพอ จึงต้องเปลี่ยนเกมทันที จากที่ผลักก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน นาทีนี้ก็ต้องกลับลำตามง้อขอให้ช่วยโหวตแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย ทั้งที่ยังตอบไม่เต็มปากว่าจะให้อะไรตอบแทน

มิหนำซ้ำ ท่าทีจากทีมเจรจาเพื่อไทย ก็พร้อมเปิดรับ สส.จากบางพรรค จะมาเป็นกลุ่ม หรือรายบุคคล หรือเรียกง่ายๆ ว่า “งูเห่า” ให้แยกตัวออกมาร่วมสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ ก็ไม่ติด แม้จะต้องแลกกับทัวร์เสื้อแดง เสื้อส้ม ที่พร้อมลงจอดหน้าพรรค

การปรับแผนของเพื่อไทย โดยใช้สูตรรัฐบาลพิเศษ อ้างเหตุผลเดินหน้าประเทศ แก้วิกฤติเป็นการขยับก่อนที่จะไปสู่ทางตัน 

โดยเดินเกมไปให้สุดให้เห็นถึงความจำเป็นและความชอบธรรม ที่จะผสมข้ามขั้วผ่าทางตัน

จึงได้เห็นละครการเมืองฉากใหญ่ในวันที่ 9 ส.ค. ที่ให้ แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวนายใหญ่ เดินนำหน้าแกนนำเพื่อไทย ไปเจรจา และขอขมาพรรคก้าวไกล เพื่อขอเสียงสนับสนุนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี 

โดยพล็อตนี้ ว่ากันว่า มาจาก ภูมิธรรม ได้พูดคุยกับ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ก่อนหน้านั้น

แม้จะรู้คำตอบว่า คงเกิดขึ้นได้ยาก กรณีขอเสียงโหวตจากก้าวไกล โดยไม่ดึงมาร่วมรัฐบาล 

คีย์แมนหลายคนในเพื่อไทยกังวลค่อนข้างมากว่า หากปล่อยให้เวลายืดเยื้อยาวนานไปกว่านี้สถานการณ์อาจพลิกผันเข้าทางลุงบ้านป่าฯ ที่หวังคุมเกมเบ็ดเสร็จ

ผลลัพธ์จึงออกมาที่สูตรเปิดรับทุกพรรค เล่นบทคนกลาง ประกาศสลายขั้ว นัยสำคัญคือ กำลังใช้หมากตานี้เบิกทางให้เพื่อไทยไปจับมือกับเครือข่ายลุงได้ ทั้งพลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ

เพราะทีมเจรจาเพื่อไทยรู้แล้วว่า วิธีหาเสียง สว. มาสนับสนุนการขึ้นสู่อำนาจ ทั้งตำแหน่งนายกฯ คนที่ 30 และการเป็นรัฐบาลได้สำเร็จ จำเป็นต้องดึงพรรค 2 ลุงมาด้วย แล้ว สว.จำนวนไม่น้อยที่ผนึกกับเครือข่ายดังกล่าว ก็พร้อมที่จะยกมือให้ในการโหวตครั้งต่อไป

งานนี้ภูมิธรรม ยังมีประโยคสำคัญที่ว่า “หากเพื่อไทยทำสุดความสามารถ แล้วยังจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยคนเดียวที่จะรับผิดชอบ สังคมและประชาชนทั้งหมดจะต้องรับผิดชอบช่วยกันคิดช่วยกันแก้ปัญหาด้วย”

ตรงนี้ก็เป็นการโยนความกดดันให้ประชาชนอย่างปฏิเสธไม่ได้ เพราะรู้ดีว่าแรงต้านมีสูง หากเพื่อไทยต้องกลืนน้ำลายไปเทียบเชิญพลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ

ดังนั้น จึงต้องหาเหตุผล ชักแม่น้ำทั้งห้าเพื่อหาความชอบธรรม หากต้องงัดไม้ตายเลือกทางเดินสุดท้าย คือตั้งรัฐบาลสูตร “เพื่อไทยพลัสลุง” โดยมีพรรคก้าวไกล พรรคไทยสร้างไทย และพรรคเป็นธรรม ไปอยู่ขั้วฝ่ายค้าน

โอกาสของ “พลังประชารัฐ” จึงเปิดกว้างมากกว่าช่วงที่ผ่านมาเห็นๆ เมื่อมีแนวโน้มว่า เพื่อไทยจำเป็นต้องใช้บริการพ่วง ลุงป้อมที่จะมาพร้อมเสียง สว.นั่นเอง

ขณะที่ “รวมไทยสร้างชาติ” แกนนำพรรคหลายคนต่างออกอาการดีใจ เพราะพร้อมร่วมกับเพื่อไทยมานานแล้ว เงื่อนไขสำคัญอย่าง “ลุงตู่” ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ประกาศวางมือ แถมไร้เงื่อนไขแก้ ม.112 หนทางข้างหน้า จึงสะดวกไม่แพ้กัน

เดิมพันสำคัญในการตั้งรัฐบาลครั้งนี้ จึงอยู่ที่เพื่อไทยเป็นหลัก พรรคอื่นๆ ล้วนแต่เป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้เท่านั้น ไม่ว่าจะภูมิใจไทย หรือพลังประชารัฐ

เพราะเป้าหมายเพียงอย่างเดียวของเพื่อไทย คือต้องเป็นรัฐบาล หวนคืนสู่อำนาจ พร้อมกับโจทย์ใหญ่ คือการกลับบ้านของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องยอมทุกทาง รับทุกเงื่อนไข แม้ว่าจะต้องหันไปญาติดีกับศัตรูตัวเป้งอย่างเครือข่ายลุงก็ตาม

เพื่ออำนาจ บางครั้งการเปลี่ยนศัตรูสู่มิตร ก็จำเป็น และเพื่อไทย อาจมองแล้วว่าคุ้มค่า แม้จะมีต้นทุนที่ต้องจ่ายสูงลิบก็ตาม