มั่นคงจับตา“กลุ่มต้าน”ปลุกเครือข่าย รอรับ“ประยุทธ์”ประชุมยูเอ็น

มั่นคงจับตา“กลุ่มต้าน”ปลุกเครือข่าย รอรับ“ประยุทธ์”ประชุมยูเอ็น

“ฝ่ายความมั่นคง” จับตากลุ่มต้าน “ประยุทธ์” ร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ชี้ปลุกระดมนัดหมายชุมนุม “ฝ่ายค้าน” เดินหน้ารณรงค์แก้รัฐธรรมนูญ จ่อตั้ง “จาตุรนต์” นั่งที่ปรึกษา “เทพไท” เคลื่อนชงประชุมกรรมการบริหารปชป. ตั้งคณะทำงานศึกษาแนวทาง

จากกรณีที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อมคณะเดินทางเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ (United Nations General Assembly – UNGA) ครั้งที่ 74 ระหว่างวันที่ 21-27 ก.ย.2562 ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา นั้น

รายงานข่าวจากแจ้งว่า ฝ่ายความมั่นคงได้คาดการณ์ว่า จะมีผู้มาชุมนุมประท้วง พล.อ.ประยุทธ์ ในระหว่างปฏิบัติภารกิจที่นครนิวยอร์ก เหมือนเช่นทุกครั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไปร่วมเดินทางเข้าประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ โดยได้มีการติดตามความเคลื่อนไหวเว็บไซต์และเฟซบุ๊กของกลุ่มคนเสื้อแดงในสหรัฐอเมริกา ปรากฎว่ามีการนัดหมายปลุกระดมมาเป็นระยะๆ

ล่าสุดพบว่า นายสุนัย จุลพงศธร อดีต ส.ส.เพื่อไทย ที่ปัจจุบันหลบหนีคำสั่งเข้ารายงานตัวต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไปอาศัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ได้ไลฟ์สดผ่านเวบไซต์ยูทูบ เมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุตอนหนึ่งว่า “วันนี้มีคนไทยทั่วโลกเข้าใจปัญหาร่วมกันแล้ว คุณประยุทธ์น่าจะเดินทางมาถึงในพรุ่งนี้ (21 ก.ย.) พี่น้องคนไทยที่รักประชาธิปไตยในนิวยอร์ก เตรียมต้อนรับคุณประยุทธ์แล้วเหมือนกัน”

ก่อนที่นายสุนัย จะนำภาพป้ายโฆษณาบนอาคารร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งระบุว่า ติดตั้งอยู่บนผนังตึกบนถนน 45th Street ตัดกับถนน 2nd Ave บนเกาะแมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก ใกล้กับที่ทำการสหประชาชาติ ขึ้นมาแสดง ซึ่งเป็นป้ายระบุข้อความ “UNITED NATION GENARAL ASSEMBY : DON’T LET DEMOCRACY DIE IN THAILAND!” แปลเป็นไทยว่า “การประชุมใหญ่ของสหประชาชาติ : อย่าปล่อยให้ประชาธิปไตยตายในประเทศไทย”

จาตุรนต์จ่อนั่งที่ปรึกษาพรรคฝ่ายค้าน

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสการถูกทาบทามให้มาเป็นที่ปรึกษาการแก้รัฐธรรมนูญให้พรรคอนาคตใหม่ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยกัน แต่ก็คุยกันแล้วกับพรรคร่วมฝ่ายค้านว่าจะเชิญตนเข้าไปแสดงความเห็น และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ซึ่งคงทำงานกับพรรคการเมืองมากกว่า 1 พรรค ส่วนการแก้รัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราหรือแก้ทั้งฉบับนั้น ส่วนตัวเห็นว่าการแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องถูกแก้ไขโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) แล้วแก้ทั้งฉบับ

“แน่นอนว่าบางหมวดบางมาตรา แก้ไม่ได้อยู่แล้ว หรือหากจะแก้รายมาตราในที่สุดก็อาจจะเจอปัญหาว่า ไม่สามารถแก้ไขได้ หรือยากที่จะแก้ไข เพราะติดกติกาบางข้อ เช่น หากส.ว.ไม่เห็นด้วยก็แก้ไม่ได้ ฉะนั้นเวลาจะคิดแก้ ไม่ว่ารายมาตราหรือทั้งฉบับ จึงต้องเริ่มที่การแก้ในมาตราที่ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ”

อนค.เดินต่อปลุกแก้รัฐธรรมนูญ

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมกิจกรรม “จินตนาการใหม่ ข้อตกลงใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่ ประเทศไทยแบบไหนที่เราอยากอยู่ร่วมกัน” โดยกล่าวว่า สำหรับการแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ทุกฝ่ายพูดตรงกันว่ายากแน่นอน แต่ถ้าคิดว่ายากแล้วเราไม่เริ่ม ก็จะเป็นไปไม่ได้เลย แต่ถ้ากล้าก้าวแรกด้วยกัน จะเปิดประตูความเป็นไปได้ใหม่ๆ เราจะสร้างความหวังให้กับคนที่หมดหวังไปแล้ว ให้ความหวังว่าสังคมที่ดีกว่านี้ยังเป็นไปได้ อย่าเพิ่งละทิ้งความฝัน อย่าเพิ่งหมดความหวัง

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญ 2560 ยังขาดความชอบธรรม นอกจากที่มาและกระบวนการไม่ชอบธรรม ยังมีปัญหาในเรื่องเนื้อหา และถ้าใครจะแก้รัฐธรรมนูญต้องผ่านด่านจำนวนมาก ต่อให้แก้รัฐธรรมนูญอย่างไรก็ตาม ก็อาจเกิดนายปราการด่านสุดท้ายคือศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่ให้แก้ จึงถึงเวลาแล้วที่จะต้องทวงคืนอำนาจการเขียนรัฐธรรมนูญให้กลับมาที่ประชาชนอย่างแท้จริง โดยต้องรณรงค์อย่างแข็งขัน เพื่อให้เกิดการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมาให้ได้

พท.โวผลตอบรับดีปชช.หนุนแก้รธน.

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ฝ่ายค้านจะเดินหน้าใน 2 มิติคู่ขนานกันไปคือในสภาฯ ญัตติการตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาหลักเกณฑ์แก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เรายื่นไว้มีการขยับขึ้นมาเป็นวาระเร่งด่วนแรกเมื่อเปิดสมัยประชุมหน้าก็จะได้พิจารณาเรื่องนี้ทันที ส่วนอีกแนวทางหนึ่งเป็นการเดินหน้าร่วมกับภาคประชาชน

โดยฝ่ายค้านสัญจรไปให้ความร่วมรู้และแลกเปลี่ยนกับประชาชนตามภูมิภาคต่างๆเกือบจะครบทั่วประเทศแล้วเหลือเพียงภาคใต้ที่จะเดินทางไปในเร็วๆนี้ ซึ่งผลตอบรับที่ผ่านมาดีมากประชาชนต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน ยืนยันว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจสังคม

ปธ.วิปรบ.ขอเวลาศึกษา-พร้อมฟังทุกฝ่าย

นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร(วิปรัฐบาล) กล่าวว่า สำหรับการแก้รัฐธรรมนูญ เบื้องต้นจะต้องมีการศึกษาก่อนว่าควรจะแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นใดบ้าง ส่วนตัวเห็นว่าไม่ควรแก้ไขหลายประเด็นเกินไป แต่ควรแก้ไขในประเด็นหลักที่เป็นปัญหา โดยพรรคพปชร.พร้อมพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับทุกพรรคการเมือง ส่วนการตั้งกรรมาธิการขึ้นมาศึกษานั้น ควรจะเป็นคณะขนาดกลาง ที่ไม่ใหญ่มาก เอาแค่ประมาณ 39 คน กำลังดี เพราะถ้าเป็นคณะใหญ่เกินไป ก็จะคุยกันไม่รู้เรื่อง

ส่วนการเตรียมความพร้อมเพื่อประชุมสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2563 ในวันที่ 17 ต.ค.นั้น ขณะนี้วิปรัฐบาลยังไม่ได้เตรียมความพร้อม เพราะครม.ยังไม่ได้ส่งร่างกฎหมายมาที่สภาผู้แทนราษฎร จึงยังไม่รู้ว่าเนื้อหาสาระนั้นเป็นอย่างไรบ้าง

เทพไทชงปชป.ตั้งกก.ศึกษาแนวทาง

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงความเคลื่อนไหวในการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคปชป. ว่า ตนจะทำหนังสือยื่นต่อนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคปชป. เพื่อเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อพิจารณาแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาชุดหนึ่ง โดยมีหน้าที่ศึกษาปัญหา และแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ

“คณะทำงานขุดนี้จะได้รวบรวมประเด็นปัญหา และหาแนวทางแก้ไข รวมถึงวิเคราะห์สภาพการเมือง และความเป็นไปได้ในการแก้ไข และนำเสนอข้อมูลทั้งหมดต่อที่ประชุม ส.ส.ของพรรค เพื่อจะได้นำไปเป็นข้อมูลในการอภิปราย ตอนพิจารณาญัตติด่วน แต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในสมัยประชุมหน้า ประมาณเดือนพ.ย.ที่จะถึงนี้”

นายเทพไทย กล่าวต่อว่า ตนอยากเห็นคณะทำงานชุดนี้ประกอบด้วยบุคลากรของพรรค ที่หลากหลาย มีทั้ง ส.ส.รุ่นใหญ่ รุ่นกลาง และคนรุ่นใหม่ เข้ามาร่วมด้วย จะทำให้คณะทำงานชุดนี้มีความสมบูรณ์ และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายมีความจริงจัง และจริงใจต่อการแก้ไขปัญหารัฐธรรมนูญ ใช้ระยะเวลาที่เหลืออยู่ก่อนการเปิดสมัยประชุมสามัญครั้งที่ 2 ได้มีข้อสรุปและตกผลึกทางความคิดในส่วนของพรรคการเมืองต่างๆด้วย

รับธนาธรยังไม่โอนทรัพย์สินเข้าบลายด์ทรัสต์

นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ไม่ได้นำเรื่องการนำทรัพย์สินเข้าบลายด์ทรัสต์ (Blind Trust) เพื่อให้ดูแลทรัพย์สินตามที่เคยแถลงข่าวไว้ ว่า การทำบลายด์ทรัสต์ เป็นความประสงค์ของนายธนาธรเอง ไม่มีข้อกฎหมายใดกำหนด แต่นายธนาธรต้องการสร้างมาตราฐานความโปร่งใสที่นักธุรกิจผันตัวเองมาเล่นการเมือง เมื่อมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้วจะไม่ใช่ประโยชน์ในทางไม่ชอบกับธุรกิจตนเอง

“และสิ่งที่นายธนาธรตกลงกับบริษัทแห่งหนึ่ง เพื่อจะทำบลายด์ทรัสต์ก็ได้ดำเนินการไปแล้ว เพียงแต่ว่าตอนนี้นายธนาธรได้เป็น ส.ส. ที่ยังไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่ของ ส.ส. เนื่องจากถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว ถ้าวันใดศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง และให้นายธนาธรปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ตอนนั้นก็จะมีอำนาจในการเป็น ส.ส. และทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติ เมื่อนั้นนายธนาธรก็โอนทรัพย์สินให้กับบลายด์ทรัสต์”

มั่นใจอนค.ไม่ถูกยุบปมกู้เงิน

นายปิยบุตร กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่นายธนาธรออกเงินกู้แก่พรรคอนาคตใหม่ จำนวน 191 ล้านบาท นั้น เรามีความมั่นใจในกรณีนี้มาก หลังคณะกรรมการการเงือกตั้ง (กกต.) ได้เรียกเราไปสอบสวนหลายครั้งแล้ว อยู่ระหว่างรอ กกต. ตัดสิน ประเทศเราในระยะหลังมักจะมีคนออกมาให้ความเห็นทางกฎหมาย และชี้นำสังคมว่าพรรคอนาคตใหม่จะถูกยุบ โดยที่ไม่ได้ไปดูข้อกฎหมายอย่างชัดเจน

“พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มีการบัญญัติข้อห้ามไว้ เช่น ห้ามรับเงินจากต่างชาติ ห้ามกระทำการอันเป็นการล้มล้างการปกครอง แต่ไม่มีข้อใดที่ระบุว่า ห้ามกู้เงิน และการกู้เงินไม่ถือว่าเป็นรายได้ แต่เป็นหนี้ และต่อให้ กกต.จะวินิจฉัยเป็นเช่นไร โทษของเรื่องนี้ไม่ถึงขั้นยุบพรรคการเมือง”