จับตาแรงขาย‘แอลทีเอฟ’

จับตาแรงขาย‘แอลทีเอฟ’

“มอร์นิ่งสตาร์”จับตากระแสเงินไหลกองทุนแอลทีเอฟ หากตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นแรง เผยยังมีก้อนครบกำหนด 5 ปีค้างอยู่มานาน อาจทยอยขายกำไรออกมาหรือล็อกต้นทุน พร้อมเตือนบลจ.ออกทริกเกอร์ฟันด์สร้างพฤติกรรมลงทุนไม่ดีแก่นักลงทุน ควรเน้นลงทุนระยะยาว ส่วนแนวโน้มอุตสาหกรรมกองทุนปีนี้คาดฟื้นตัว

นางสาวชณานี จึงมานนท์ นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยปีนี้มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ต้องติดตามว่าจะมีเม็ดเงินกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF)จะมีการไหลออกมากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย โดยที่ผ่านมา มีเม็ดเงิน LTF ที่ครบกำหนด 5 ปี ที่สามารถขายได้ ค้างในระบบมานานจากปีที่ผ่านมามีแรงขายออกไม่มาก เพราะ ดัชนีปรับตัวลดลง ทำให้ผลตอบแทนการลงทุน LTF ในปีที่ผ่านมาติดลบ -8.0%ในขณะที่ผลตอบแทนในรอบ 5 ปีอยู่ที่ 2.1% ซึ่งมากกว่าผลตอบแทนตราสารหนี้แค่เล็กน้อยเท่านั้น

ทั้งนี้คาดว่าในปี2565 ต้องติดตามใกล้ชิดมากขึ้นจากมีความเสี่ยง เพราะ มีกองทุนLTF ที่ครบกำหนดระยะเวลาถือครอง 7 ปี ที่สามารถขายได้ครั้งแรกรวม 2 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2563 กองทุน LTF มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3.5 แสนล้านบาท ลดลง 14.6% จากปี 2562 เป็นเงินไหลออกสุทธิทั้งปีรวมเกือบ 1.5 หมื่นล้านบาท

สำหรับปัจจุบันหุ้นไทยผันผวนทำให้ บลจ.ใช้กลยุทธ์ออกกองทุนใหม่ ประเภททริกเกอร์ฟันด์เข้ามาจูงใจผู้ลงทุน ซึ่งช่วงนี้เริ่มเห็นบ้างบลจ.นำออกมาขาย หากกดดันให้บลจ.อื่นต้องออกกองทริกเกอร์ฟันด์ เพิ่มขึ้น มองว่า เป็นการสร้างพฤติกรรมการลงทุนที่ไม่ดี กับนักลงทุน ซึ่งส่วนตัวมองว่า ควรที่จะสร้างพฤติกรรมการลงทุนระยะยาว นอกจากนี้ไม่ใช่ทุกกองจะทำผลตอบแทนได้ตามเป้าหมาย และค่าธรรมเนียมสูง

นางสาวชญานี กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมกองทุนในปี 2564 น่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ จากในปี 2563 อุตสาหกรรมกองทุนรวมทั้งระบบ มีมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมด (AUM) อยู่ที่ 5 ล้านล้านบาท ลดลง 6.5% จากปีก่อน โดยอุตสาหกรรมกองทุนรวม เฉพาะกองทุนเปิด ไม่รวมกองทุนปิด, ETF, REIT, Infrastructure fund มี AUM อยู่ที่ 4 ล้านล้านบาท ลดลง 7.3% จากปีก่อน

ในปีที่ผ่านมาถือว่า เป็นจุดต่ำสุดแล้ว เนื่องจากผลกระทบจากกองทุนที่ปิดไปในช่วงต้นปี ทำให้มีเงินไหลออกสุทธิรวมกว่า 4.4 แสนล้านบาท รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จากนี้น่าจะดีขึ้นกว่ารอบที่แล้ว ล็อกดาวน์เฉพาะบางพื้นที่ในประเทศ และในต่างประเทศเริ่มฉีดวัคซีนบ้างแล้ว แต่การฟื้นตัวยังต้องใช้เวลา อีกทั้งนักลงทุนส่วนใหญ่การลงทุนต่างประเทศมากขึ้นชัดเจน เช่น หุ้นจีน และหุ้นทั่วโลก ช่วยสนับสนุนกองทุนต่างประเทศขยายตัวมากขึ้นด้วย

นายวศิน วณิชย์วรนันต์ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน หรือ AIMC เปิดเผยว่า แนวโน้มแรงขายกองทุน LTF ในปีนี้ยังไม่น่าเป็นห่วงต่ออุตสาหกรรมภาพรวมและตลาดทุนไทย เนื่องจากปีก่อนและปีนี้ มี LTF ที่ครบกำหนดขายได้ไม่มาก โดยยังมีในส่วนที่ครบกำหนด 5 ปี มีแรงขายออกมาบ้างยังไม่มาก ยังคงต้องรอติดตามต่อไป โดยคาดว่า ในปี 2565 จะมีส่วนที่ครบกำหนดค่อนข้างมากและขึ้นอยู่กับภาวะตลาดเหมาะสมที่นักลงทุนตัดสินใจขายด้วยหรือไม่