บจ.ใหญ่ตบเท้าระดมทุน จุดพลุหุ้นไทยกลับมาคึกคัก

บจ.ใหญ่ตบเท้าระดมทุน  จุดพลุหุ้นไทยกลับมาคึกคัก

ตลาดหุ้นไทยเดินหน้าเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของปีแล้วหลังจากเผชิญมรสุมทางเศรษฐกิจของไทยและต่างประเทศมาตลอดในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี จนทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนอย่างหนัก เช่นเดียวกับตลาดหุ้นไทยที่แทบปรับตัวขึ้นลงรายวัน

        ภาพรวมของดัชนีตลาดหุ้นไทย 9 เดือนแรกปี 2562ปรับตัวเพิ่มขึ้น 73.34 หรือ 4.68% มาอยู่ที่ระดับ 1,637.22 โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 5,228.85 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 24,255.05 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 32,522.38 ล้านบาท และ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 13,496.18 ล้านบาท

        การลงของต่างชาติในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา (ก.ค.-ก.ย.) ปรากฎว่านักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิในตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียเกือบทุกตลาด ยกเว้นเพียงตลาดหุ้นเวียดนามที่เป็นผู้ซื้อสุทธิราว 8 ล้านดอลลาร์ ซึ่งไทยถูกขายสุทธิเป็นอันดับ 2 ที่ 1,454 ล้านดอลลาร์ รองจากตลาดหุ้นอินเดีย ขายสุทธิ 2,879 ล้านดอลลาร์

       โดยบรรยากาศตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 3 เรียกได้ว่าซบเซาและขาดปัจจัยบวกแม้ว่าจะมีการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของธนาคารกลางทั่วโลก หากแต่ไม่สามารถชดเชยความกังวลใจทั้งประเด็นสงครามทางการค้า นำไปสู่การปรับลดเป้าจีดีพี ความตรึงเครียสทางการเมืองของในหลายภูมิภาค ส่งผลทำให้ไตรมาส 3 กลายเป็นช่วงที่ซบเซามากที่สุด

         อย่างไรก็ตามโค้งสุดท้ายของปีอย่างไตรมาส 4 ตลาดหุ้นไทยกลับมามีความหวังมากขึ้น ยิ่งตลาดหุ้นไทยที่มีบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่หลายบริษัท รวมไปถึงกองทุนพาเหรดกันระดมทุนกันอย่างคึกคักตั้งแต่ช่วงเดือนต.ค. จนไปถึงสิ้นปี

         เริ่มจากบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชย์ ของตระกูล ‘สิริวัฒนภักดี ‘ เข้าตลาดหุ้นไทย 10 ต.ค. นี้ด้วยมูลค่ามาร์เก็ตแคปสูงสุดเท่าที่เคยมีตลาดหุ้นไทย 1.92 แสนล้านบาท แถมยังเป็นธุรกิจอสังหาฯที่ใหญ่ที่สุดในโลกในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา

          ด้วยการระดมทุน 48,000 ล้านบาท ด้วยราคาหุ้นละ 6 บาท ที่สำคัญ AWC ยังจะสามารถเข้าคำนวณใน SET 50 ได้ทันทีด้วยเกณฑ์ แบบ Fast Track จนทำให้บรรดากองทุนสถาบันเคลีย์พอร์ตหุ้นล่วงหน้าเพื่อเตรียมนำเงินมาลงทุนในหุ้นตัวนี้

      ตามมาด้วยการเพิ่มทุนของ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เพื่อนำเงินไปชำระหุ้น บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW มูลค่าเมื่อรวมกับกู้เงินจากสถาบันการเงินประมาณ 1.35 แสนล้านบาท ก่อนจะเพิกถอนออกจากตลาดหุ้น ซึ่งมีการเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิม 74,000 ล้านบาท กำหนดราคาเพิ่มทุนหุ้นละ 56 บาท อัตราส่วน 1 หุ้นเดิม ต่อ 0.8819 หุ้นใหม่ ช่วงวันที่ 30 ก.ย.-4 ต.ค. ที่ผ่านมา

       การเพิ่มทุนของ ธนาคารทหารไทย(TMB)มีการขาย ใบแสดงสิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนโอนสิทธิได้ หรือ TSR จำนวน 30,355ล้านหน่วย ซึ่งจะเริ่มทำการซื้อขายวันที่ 10 ต.ค. นี้ จะมีอายุประมาณ 2 เดือน และเพิ่มทุนเพื่อนำไปซื้อหุ้นและสินทรัพย์ของฝั่ง ธนาคารธนชาต (TBANK) มูลค่า 1.3 แสนล้านบาท คาดว่าจะเกิดขึ้นราวเดือนพ.ย.

        ฝั่งธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ของตระกูล ‘จิราธิวัฒน์ ’เตรียมนำบริษัท ซีอาร์ซี รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC เข้าจดทะเบียนทางอ้อมด้วยควบรวบกับ บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) หรือ ROBINS มีการเพิ่มทุนแทนเงินสด 2,230 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 66.50 บาท คาดการณ์ว่าจะเริ่มดำเนินการซื้อหุ้นที่เหลือในตลาดได้ราวปลายปีถึงต้นปี 2563

       ปิดท้ายที่ การเพิ่มทุนของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบรนด์อินเตอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) เสนอขายหน่วยเพิ่มทุน 2,500 ล้านหน่วย ที่ราคา 9 บาท ให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (RO)ที่ถือหน่วยลงทุน ณ วันที่ 15 ต.ค. 2562 และจองซื้อหน่วยลงทุนวันที่ 7 -13 พ.ย 2562 เพื่อนำเงินไปซื้อสินทรัพย์เส้นใยแก้วนำแสง (Optical Fiber Cable) 7 แสนคอร์กิโลเมตรมูลค่า 38,000 ล้านบาท จากบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS

        เรียกได้ว่าเฉพาะ 5 บริษัทใหญ่ที่แห่ระดมทุนมหาศาลในช่วงนี้ยังไม่นับรวมหุ้นไอพีโออื่นที่เข้าตลาดถึงสิ้นปี 7-8 บริษัท ทำให้นักลงทุนต่างคาดหวังว่าตลาดหุ้นไทยจะไม่เหี่ยวเฉา มูลค่าการซื้อขายเบาบางเหมือนในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา