80 ปี สหประชาชาติ ไทยขับเคลื่อน 17 เป้า SDGs เพื่อสันติภาพ-มั่งคั่งร่วมกัน

องค์การสหประชาชาติ ประเทศไทย (United Nations Thailand) ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมความร่วมมือจากภาคเอกชน โดย บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด จัดงานเฉลิมฉลอง “วันสหประชาชาติ” (United Nations Day) เนื่องในโอกาสครบรอบ 80 ปีแห่งการก่อตั้งองค์การสหประชาชาติ ภายใต้แนวคิด “ร่วมขับเคลื่อนความร่วมมือสู่อนาคตที่ยั่งยืน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” และเปิดนิทรรศการภาพถ่ายพิเศษ "30 Stories, 17 Goals, One Road to 2030" เพื่อนำเสนอ 30 เรื่องราวแรงบันดาลใจจากผู้คนทั่วประเทศไทยที่ขับเคลื่อน 17 เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ใน 5 มิติหลัก ได้แก่ ผู้คน สิ่งแวดล้อม ความมั่งคั่ง สันติภาพ และความร่วมมือ

คำมั่นเพื่อคนรุ่นอนาคต

มิเกลล่า ฟิลแบรย์-สตอเร่ (Michaela Friberg-Storey) ผู้ประสานงานสหประชาชาติประจำประเทศไทย กล่าวว่า แปดสิบปีก่อน ท่ามกลางซากปรักหักพังของสงคราม บรรดาประเทศต่างๆ ได้รวมตัวกันด้วยความเชื่อมั่นว่า สันติภาพและความก้าวหน้าที่ยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อเราร่วมมือกันเท่านั้น เลขาธิการสหประชาชาติ นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส ได้กล่าวเตือนว่า สหประชาชาติไม่ใช่เพียงองค์กรหนึ่งเท่านั้น แต่เป็น “คำมั่นที่มีชีวิต” คำมั่นที่เรามอบให้กับคนรุ่นอนาคต ว่าเราจะปกป้องโลกของเรา เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และไม่ปล่อยให้ใครถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง

“ทุกวันนี้ คำมั่นนั้นกำลังถูกทดสอบ เพราะความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้น ความเหลื่อมล้ำถ่างกว้างขึ้น และวิกฤติสภาพภูมิอากาศรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เราก็มีแผนที่นำทาง (Blueprint) ได้แก่ กฎบัตรสหประชาชาติ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และข้อตกลงเพื่ออนาคต (Pact for the Future) เอกสารเหล่านี้ไม่เพียงเป็นจุดเริ่มต้น แต่ยังเป็นแนวทางสู่พหุภาคีนิยมที่ครอบคลุม มีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับความท้าทายในยุคสมัยของเรา สิ่งที่เราต้องการในตอนนี้ คือ เจตจำนงทางการเมือง เพื่อทำให้แผนเหล่านี้เกิดขึ้นจริง”

"ศรัณย์ เจริญสุวรรณ" เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย กล่าวว่า ผมขอแสดงความขอบคุณต่อสหประชาชาติ สำหรับความทุ่มเทอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อยและสำหรับการเป็นหุ้นส่วนที่ยั่งยืนกับประเทศไทย เพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน การปกป้องโลกของเรา การส่งเสริมสันติภาพความมั่นคง และความมั่งคั่งของเรา"พร้อมยืนยันความมุ่งมั่นของไทยในการเป็นหุ้นส่วนที่ดีและน่าเชื่อถือของสหประชาชาติ

"ชฎาทิพ จูตระกูล" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ เน้นย้ำถึงความสำคัญของภาคเอกชนในการขับเคลื่อนแบบองคาพยพ โดยกล่าวว่า ความก้าวหน้าที่แท้จริงเกิดขึ้นจากพลังแห่งความร่วมมือ โดยเฉพาะเมื่อภาครัฐ ภาคเอกชน องค์การสหประชาชาติ และผู้คนทั่วโลก ร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน และขับเคลื่อนโลกไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

เยาวชนยะลาเชื่อมวัฒนธรรม

“ซัลมา กาแด” เยาวชนจากศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอธารโต จังหวัดยะลา เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงจากโครงการ Learning Coin ของ UNESCO ที่ให้ทุนการศึกษาตามระยะเวลาที่อ่านหนังสือจากแท็บเล็ต ว่า ได้เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการอ่านของ UNESCO ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะมาก ทำให้ขยันอ่านหนังสือมากขึ้น และมีวินัยในตนเองมากขึ้นในการอ่านหนังสือ

“ตอนเช้าหนูตื่นเช้า 8 โมง เปิดแท็บเล็ตอ่านหนังสือไว้วันละ 30 นาที ก่อนที่จะไปทำอย่างอื่น ปัจจุบันหนูเป็นผู้นำเยาวชนในการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของชุมชน เช่น การทำขนมประเพณีกวนอาซูรอร่วมกัน ซึ่งเป็นประเพณีที่รวมคนไทยพุทธและไทยมุสลิมเข้าด้วยกัน”

เพื่อผู้พิการโดยผู้พิการ

“สโรชา กิตติสิริพันธุ์” ผู้ก่อตั้งสำนักพิมพ์ผีเสื้อปีกบาง (PaperyBfly) ซึ่งเป็นผู้พิการทางสายตาตาบอดสนิทตั้งแต่กำเนิด ตั้งใจทำสำนักพิมพ์หนังสือเพื่อผู้พิการโดยผู้พิการ และยังผลิตพอดคาสต์เพื่อคนพิการผ่านการสนับสนุนจากโครงการ Youth Co:Lab ของ UNDP

"เชื่อในพลังของการสื่อสาร แล้วก็อยากจะนำการสื่อสารเนี่ย มาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคนพิการ แล้วก็พัฒนาสังคมของเราให้ดีต่อไป อยากใช้การสื่อสารสร้างพื้นที่ให้กับคนพิการผ่าน 2 ช่องทาง คือ สื่อออนไลน์ (เพจ Facebook) และรายการวิทยุ ‘คุยกับผีเสื้อปีกบาง’ ทางวิทยุจุฬา เพื่อลดช่องว่างจากการขาดปฏิสัมพันธ์และความไม่เข้าใจระหว่างคนพิการกับคนทั่วไป

ปฏิวัติสวนยางสู่เกษตรผสมผสาน

“สุมิตร ศรีวิสุทธิ์” เกษตรกรผู้ทำสวนยางและผู้นำชุมชนจากจังหวัดนครศรีธรรมราช พัฒนาแนวทางการปลูกยางพาราแบบผสมผสานยั่งยืนด้วยการสนับสนุนจาก FAO โดยปลูกพืชอาหารและไม้เศรษฐกิจร่วมกับยางพารา เช่น ข้าวไร่ในช่วง 3 ปีแรก และกาแฟ โกโก้ ทุเรียน มังคุด ผักเหมียง เมื่อยางเริ่มโต รวมถึงการขุดบ่อเลี้ยงปลาและเลี้ยงสัตว์

"คุณค่าของเกษตรกรนะครับที่สามารถเติมเต็มได้ ก็คือการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ทำให้พี่น้องเกษตรกรมีสุขภาพที่ดีขึ้น สิ่งแวดล้อมดีขึ้น ทางกรมดีขึ้น โลกของเราก็ดีขึ้นด้วย การเกษตรผสมผสานนี้ช่วยให้ใช้ประโยชน์ที่ดินได้เต็มที่ตลอดอายุของยาง ลดการใช้สารเคมีด้วยการใช้อินทรียวัตถุทำปุ๋ย พร้อมสร้างทั้งมูลค่าทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมที่ดี”

 

ผู้เขียน: ศุภชัย วงษ์โนนงิ้ว นักศึกษาฝึกงาน กรุงเทพธุรกิจ