พบ ‘วาคีตา’ เกิดใหม่ ต่อลมหายใจสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ที่สุดในโลก

โลมาวาคีตา มีจำนวนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ทั่วโลกมีไม่ถึง 10 ตัวอยู่ดี เร่งหาทางอนุรักษ์ ใช้กฎหมายเข้ม ปลูกจิตสำนึกคนให้หยุดล่า
KEY
POINTS
- มีการยืนยันการพบเห็นลูกวาคีตาเกิดใหม่อย่างน้อย 1-2 ตัว ซึ่งเป็นความหวังในการอนุรักษ์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลที่ใกล้สูญพันธุ์ที่สุดในโลก
- จากการสำรวจล่าสุด พบประชากรวาคีตาราว 7-10 ตัว ซึ่งเป็นจำนวนที่ดีขึ้นกว่าการสำรวจเมื่อปีก่อนหน้า
- สาเหตุหลักที่ทำให้วาคีตาใกล้สูญพันธุ์คือการติดอวนลอยโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งเป็นผลจากการทำประมงผิดกฎหมายเพื่อจับปลาโทโทอาบาในถิ่นที่อยู่อาศัยเดียวกัน
“วาคีตา” (Vaquita) โลมาขนาดเล็กที่พบในอ่าวแคลิฟอร์เนียตอนเหนือ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลที่ใกล้สูญพันธุ์มากที่สุดในโลก บางครั้งถูกเรียกว่า “แพนด้าแห่งท้องทะเล” จากรอยคล้ำรอบดวงตาและริมฝีปากสีดำที่ยิ้มแย้ม มีประชากรลดลง 98% ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา
จากการนับล่าสุดในเดือนตุลาคม โดย Sea Shepherd Conservation Society องค์กรอนุรักษ์ทางทะเล ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ กลุ่มต่าง ๆ และชาวบ้านในพื้นที่ ยืนยันการพบเห็นวาคีตา 7-10 ตัว ซึ่งดีขึ้นกว่าการสำรวจเมื่อปีที่แล้วแล้ว ผู้เชี่ยวชาญยังพบลูกวาคีตาอย่างน้อย 1-2 ตัว ถือเป็นความสำเร็จหลังจากที่ไม่พบลูกวาคีตาแรกเกิดเลยในปี 2024 และชี้ให้เห็นว่าความพยายามในการอนุรักษ์เป็นไปตามแผน
วาคีตาสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เสี่ยงสูญพันธุ์มากที่สุดในโลก
จำนวนวาคีตาที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการทำประมง เพราะในบริเวณที่พวกมันอาศัยอยู่มี “ปลาโทโทอาบา” ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “โคเคนแห่งท้องทะเล” ซึ่งเป็นปลาใกล้สูญพันธุ์เช่นกัน แต่เป็นที่ต้องการในตลาดมืด เนื่องจากมีสรรพคุณในการรักษาโรค (แม้จะไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนก็ตาม) สามารถขายได้ในราคาดีมาก โดยเฉพาะกระเพาะที่มีราคาสูงถึง 10,000 ดอลลาร์
เมื่อปลาโทโทอาบาถูกล่าอย่างหนักจากการทำประมงลากอวน โลมาวาคีตาก็ได้รับผลกระทบไปด้วย พวกมันถูกจับไปพร้อมกับปลา บ้างก็ติดกับตาข่ายจับปลาและจมน้ำตาย
เครดิตภาพ: Sea Shepherd Conservation Society
กฎหมายที่ยังไม่ได้ผล
แม้เม็กซิโกจะห้ามจับปลาโทโทอาบาตั้งแต่ปี 1975 รวมถึงออกกฎหมายห้ามการประมงด้วยอวนลอยในอ่าวแคลิฟอร์เนียตอนบนอย่างถาวรในปี 2017 ตลอดจนวาฬวาคีตาและโทโทอาบามีชื่ออยู่ในภาคผนวก 1 ของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) ซึ่งห้ามการค้า
แต่มาตรการปกป้องป้องกันเหล่านี้ ก็ไม่ได้ทำให้ผู้คนเกรงกลัว ในเดือนมีนาคม 2025 รัฐบาลเม็กซิโกได้ยึดอวนลอยผิดกฎหมายระยะทางกว่า 9 กิโลเมตร และพบซากโทโทอาบาตาย 72 ตัว
ลอเรนโซ โรฮาส บราโช นักวิทยาศาสตร์ชาวเม็กซิกัน ผู้ทำงานด้านการอนุรักษ์วาคีตามากว่า 30 ปี และเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของมูลนิธิสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเลแห่งชาติ กล่าวว่า จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการจัดหาอุปกรณ์ทางเลือกที่ปลอดภัยต่อวาคีตาให้แก่ชาวประมง
“มันเป็นวงจรอุบาทว์ การอนุรักษ์โลมาวาคีตาจำเป็นต้องกำจัดการจับสัตว์น้ำที่ติดอวนลาก และการกำจัดการจับสัตว์น้ำที่ติดอวนลากต้องกำจัดอวนติดตา ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” เขากล่าวกับ CNN
ในการวิเคราะห์ของคณะกรรมการความอยู่รอดของสายพันธุ์ IUCN ในปี 2023 โรฮาส บราโช พบว่าอวนติดตายังคงถูกใช้จับกุ้งและปลาในอ่าวแคลิฟอร์เนียตอนบนอย่างแพร่หลาย อีกทั้งชาวประมงยังไม่เลือกใช้อุปกรณ์ทางเลือก เพราะมีราคาแพงกว่า แต่ประสิทธิภาพน้อยกว่า ขณะเดียวกันก็ไม่มีการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด
มาตรการหนึ่งที่ได้ผล คือการติดตั้งบล็อกคอนกรีตบนพื้นทะเลที่มีตะขอเกี่ยวยื่นออกมาจากด้านบนเพื่อดักจับอวนลอยผิดกฎหมาย แต่โรฮาส บราโช กล่าวว่าการติดตั้งเหล่านี้ยังทำในพื้นที่เล็ก ๆ และไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถาวร
เช่นเดียวกันกับ “เขตปลอดการประมง” ซึ่งเป็นเขตห้ามทำการประมงขนาด 225 ตร.กม. บริเวณอ่าวตอนบน ซึ่งช่วยให้การใช้อวนลอยในพื้นที่นี้ลดลง แต่เขากล่าวว่าการแก้ปัญหาเพียงแค่นี้ไม่ช่วยให้การฟื้นฟูสายพันธุ์วาคีตาสำเร็จได้ เนื่องจากวาคีตาไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่
อย่างไรก็ตาม โรฮาส บราโช มองว่ารัฐบาลชุดใหม่ของเม็กซิโก ซึ่งเข้ารับตำแหน่งในปี 2024 มีความพยายามในการปกป้องวาคีตามากขึ้น หลังจากเข้ารับตำแหน่ง นึ่งเดือนรัฐบาลได้จัดการประชุมเกี่ยวกับโลมาวาคีตา พร้อมตั้งหน่วยงานใหม่ในคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและการประมง และหน่วยงานใหม่ในสถาบันเพื่อการประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างยั่งยืนของเม็กซิโก
แต่จำเป็นต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว เขากล่าวเตือนว่า “นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในแง่ของนโยบายและการบริหารจัดการ แต่เป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายอย่างยิ่งสำหรับวาคีตาที่เหลืออยู่”
ปลูกจิตสำนึก
นอกจากการอนุรักษ์ในพื้นที่แล้ว ยังจำเป็นต้องรณรงค์ไม่ให้ผู้คนกินปลาโทโทอาบา โดยเปาลา โมซิก รีดล์ หัวหน้าร่วมฝ่ายข้อมูล งานวิจัย และการสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายของTraffic องค์กรทำงานด้านการค้าสัตว์ป่าและพืชทั่วโลก บอกกับ CNN ว่า ทางองค์กรเริ่มดำเนินโครงการเปลี่ยนพฤติกรรมในจีน โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความต้องการกระเพาะโทโทอาบาที่ผิดกฎหมาย
เมื่อมาตรการเหล่านี้รวมกับการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดขึ้น การประสานงานระหว่างเม็กซิโก จีน และสหรัฐ จะช่วยต่อสู้กับเครือข่ายอาชญากรรมลักลอบฆ่าสัตว์ด้วย
“การลักลอบค้าปลาโทโทอาบาเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายทั้งในประเทศต้นทาง ประเทศทางผ่าน และประเทศปลายทาง ดังนั้นการประสานงานระหว่างประเทศ จะช่วยเพิ่มผลกระทบได้อย่างมาก ทำให้เกิดการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรอง การบังคับใช้กฎหมายร่วมกัน การควบคุมที่เข้มงวดยิ่งขึ้นตามเส้นทางการค้า และแนวทางการกำกับดูแลที่สอดคล้องกันมากขึ้น ทำให้เครือข่ายอาชญากรทำงานได้ยากขึ้น” เธอกล่าว
อีกทางเลือกหนึ่งคือ การอนุญาตให้ส่งออกปลาโทโทอาบาที่เพาะเลี้ยง ซึ่งเป็นแนวคิดที่เรียกว่า “การทำฟาร์มแบบอนุรักษ์” การศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้โดยมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานตาบาร์บารา และ AgroParisTech พบว่าปลาโทโทอาบาที่เพาะเลี้ยงอาจช่วยลดการลักลอบล่าสัตว์ และระบุว่ามีกิจการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในเม็กซิโกที่เพาะเลี้ยงปลาโทโทอาบาอยู่แล้ว แม้ว่าการค้าระหว่างประเทศจะผิดกฎหมายก็ตาม
โมซิก รีดล์ กล่าวว่า แม้ว่านี่อาจเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่ก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน เนื่องจากการค้าที่ถูกกฎหมายอาจเปิดช่องให้ผลิตภัณฑ์สัตว์ป่าผิดกฎหมายเข้าสู่ตลาดได้ การตรวจสอบย้อนกลับจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันการฟอกเงิน เธอกล่าวเสริม
นอกจากนี้ กฎระเบียบระหว่างประเทศและแรงกดดันจากองค์กรระดับโลกอาจช่วยพลิกสถานการณ์ได้ ในปี 2023 เม็กซิโกถูก CITES คว่ำบาตร เนื่องจากไม่ดำเนินการอย่างเพียงพอในการปราบปรามการทำประมงโทโตอาบาอย่างผิดกฎหมายและการปกป้องวาคีตา โดยระงับการค้าสัตว์ป่าที่ถูกควบคุมระหว่างประเทศและภาคีสมาชิก CITES เป็นการชั่วคราว
ในปีเดียวกันนั้น คณะกรรมาธิการการล่าวาฬระหว่างประเทศ (ICI) ได้ออกประกาศเตือนภัยการสูญพันธุ์ครั้งแรก เพื่อเตือนถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับโลมาวาคีตา โดยหวังว่าจะ สร้างแรงสนับสนุนและกำลังใจในทุกระดับสำหรับการดำเนินการที่จำเป็นในขณะนี้ เพื่ออนุรักษ์วาฬวาคีตา
โมซิก รีดล์ เชื่อว่าการทำงานตามแผนเหล่านี้ ควบคู่กับสร้างความตระหนักรู้ในวงกว้างให้กับสาธารณชน ช่วยให้เกิดมาตรการปฏิบัติตามและเสริมสร้างพันธสัญญาทางการเมือง แม้ว่ากรอบการทำงานเหล่านี้จะไม่สามารถแทนที่การดำเนินการระดับชาติได้ แต่กรอบการทำงานเหล่านี้ช่วยเสริมสร้างความรับผิดชอบ ความโปร่งใส และการตอบสนองที่ประสานกันสำหรับสัตว์ใกล้สูญพันธุ์
สำนักเลขาธิการ CITES แจ้งต่อ CNN ทางอีเมลว่า นับตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมา เม็กซิโกมีความก้าวหน้าอย่างมากในการจับกุมประมงผิดกฎหมายในพื้นที่คุ้มครอง แต่ทางสำนักเลขาธิการระบุว่า ยังคงจำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง และจะมีการหารือประเด็นเรื่องการอนุรักษ์โลมาวาคีตาอีกครั้ง ในการประชุมสามัญครั้งต่อไปของคณะกรรมการประจำ CITES ในเดือนพฤศจิกายน 2026
ที่มา: CNN, IFL Science, Scientific American, Sea Shepherd







