‘อะแลสกา-ญี่ปุ่น’ เจอแผ่นดินไหวรุนแรงห่างกัน 2 วัน สัญญาณเตือนจากโลก?

อะแลสกา-ญี่ปุ่น เจอ แผ่นดินไหวรุนแรง ห่างกัน 2 วัน ผู้เชี่ยวชาญเผยไม่ใช่สัญญาณเตือนภัยพิบัติ มีสิทธิ์เกิดขึ้นได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะเกิดเมื่อไหร่
KEY
POINTS
- เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 2 ครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน คือขนาด 7.0 ที่รัฐอะแลสกา และขนาด 7.6 ที่ประเทศญี่ปุ่น
- เหตุการณ์ที่ญี่ปุ่นส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและทางการได้ประกาศเตือนภัยสึนามิ พร้อมเฝ้าระวังแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นตามมา
- ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหววิทยาระบุว่าเหตุการณ์ทั้งสองเป็นความบังเอิญและไม่เกี่ยวข้องกัน โดยชี้ว่าการเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในเวลาใกล้กันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตามสถิติทั่วโลก
เมื่อวันพุธที่ 10 ธ.ค. เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.7 ริกเตอร์ ห่างจากเมืองคุจิ ประเทศญี่ปุ่น ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 107 กม. ทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมชายฝั่งอกสั่นขวัญแขวนเป็นอย่างยิ่ง เพราะก่อนหน้านี้ไม่กี่วันทางการได้ออกประกาศเตือนภัยสึนามิในภูมิภาคนี้ หลังจากเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.6 ริกเตอร์
ตามรายงานของเจ้าหน้าที่ด้านแผ่นดินไหว แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นนอกชายฝั่งนี้ไม่ได้ทำให้เกิดการเตือนภัยสึนามิครั้งใหม่ และยังไม่มีรายงานความเสียหายหรือผู้บาดเจ็บร้ายแรงในทันที ขณะที่หน่วยงานตรวจสอบกำลังประเมินผลกระทบ
คุจิเป็นเมืองชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือสุดของจังหวัดอิวาเตะ มีประชากรประมาณ 34,000 คน ตั้งอยู่ตามแนวชายฝั่งซันริคุ ซึ่งเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิรุนแรงมาโดยตลอด เนื่องจากเมืองนี้ตั้งอยู่ในบริเวณที่แผ่นเปลือกโลกแปซิฟิกมุดตัวลงใต้แผ่นเปลือกโลกอเมริกาเหนือ ก่อให้เกิดเขตมุดตัวของแผ่นเปลือกโลกขนาดใหญ่ ทำให้เกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้งและบางครั้งก็รุนแรง
ขณะเดียวกันร่องลึกใต้ทะเลที่ลาดชันและการปฏิสัมพันธ์ของแผ่นเปลือกโลกที่ซับซ้อนในภูมิภาคนี้ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดสึนามิที่เกิดจากกิจกรรมแผ่นดินไหวใต้น้ำอีกด้วย
8 ธ.ค. 2025 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.6 ริกเตอร์ ทำให้เกิดการเตือนภัยสึนามิสูง 3 เมตรทั่วชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ต่อมาการเตือนภัยสึนามิดังกล่าวถูกยกเลิก แต่ก็ทำให้มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 51 คน และมี 7 คนในจำนวนนั้นมีอาการบาดเจ็บสาหัส ตามรายงานของหน่วยงานดับเพลิงและจัดการภัยพิบัติ
นอกจากนี้ยังทำให้เกิดการเตือนภัยสึนามิในวงกว้าง โดยมีรายงานคลื่นสูงถึง 70 เซนติเมตรในหลายชุมชนชายฝั่ง ประชาชนหลายหมื่นคนถูกอพยพออกจากพื้นที่เตือนภัยสึนามิ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่กล่าวว่าไม่มีความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญต่อโครงสร้างพื้นฐานหลัก และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก็ไม่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว
ประชาชนได้รับคำแนะนำให้เตรียมชุดอุปกรณ์ฉุกเฉินสำหรับแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ให้พร้อม เจ้าหน้าที่ยังได้ออกคำแนะนำด้านความปลอดภัยสาธารณะและบอกให้ครอบครัวนอนในห้องเดียวกันกับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีความเสี่ยง รวมถึงสวมใส่เสื้อผ้าปรกติในเวลากลางคืน เพื่อให้สามารถอพยพได้รวดเร็วยิ่งขึ้นในกรณีฉุกเฉิน
โรงเรียนส่วนใหญ่ในภาคเหนือของญี่ปุ่นกลับมาเปิดเรียนในวันนี้ นักเรียนเล่าเรื่องราวความหวาดกลัวระหว่างเกิดแผ่นดินไหว แต่กล่าวว่าชีวิตประจำวันกำลังค่อย ๆ กลับสู่ภาวะปรกติ การฝึกซ้อมและการทบทวนการอพยพเกิดขึ้นในห้องเรียนหลายแห่ง ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งประเทศญี่ปุ่น (JMA) ออกคำเตือนว่าอาจจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในภาคเหนือของญี่ปุ่น หลังจากเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.6 ริกเตอร์ที่รุนแรง
“หากเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.0 ริกเตอร์ขึ้นไปในหรือรอบ ๆ บริเวณที่คาดว่าจะเป็นแหล่งกำเนิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ตามแนวร่องลึกญี่ปุ่นและร่องลึกชิชิมะ ความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงที่จะเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่” JMA แถลง
พร้อมระบุว่าในกรณีเช่นนี้ หน่วยงานจะออกประกาศเตือนภัยแผ่นดินไหวนอกชายฝั่งฮอกไกโดและซันริคุอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าความน่าจะเป็นตามบันทึกจริงทั่วโลกจะมีเพียงประมาณ 1 ใน 100 ก็ตาม
ประกาศเตือนภัยนี้ครอบคลุม 182 เทศบาลใน 7 จังหวัด ได้แก่ 63 แห่งในฮอกไกโด 28 แห่งในอาโอโมริ 23 แห่งในอิวาเตะ 35 แห่งในมิยากิ 10 แห่งในฟุกุชิมะ 9 แห่งในอิบารากิ และ 14 แห่งในชิบะ พื้นที่เหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6 ริกเตอร์ขึ้นไปตามมาตราความรุนแรงของญี่ปุ่น และสึนามิสูง 3 เมตรขึ้นไป
ประกาศเตือนภัยระดับสูงสุดในวันอังคารนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่มีการประกาศใช้ระบบเตือนภัยนี้ นับตั้งแต่เริ่มใช้ระบบดังกล่าวในปี 2022
นอกจากจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในญี่ปุ่นแล้ว เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ก็เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขนาด 7.0 ริกเตอร์ ที่รัฐอะแลสกาของสหรัฐ ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่าการเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ 2 ครั้งห่างกันไม่กี่วันเป็นสัญญาณเตือนอะไรหรือไม่
สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา (USGS) ตรวจสอบบันทึกที่ย้อนหลังไปถึงประมาณปี 1900 พบว่าโดยเฉลี่ยแล้วในแต่ละปีจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ประมาณ 16 ครั้งทั่วโลก โดยมี 15 ครั้งที่มีขนาดความรุนแรง 7.0 ริกเตอร์ขึ้นไป และ 1 ครั้งที่มีขนาดความรุนแรง 8.0 ริกเตอร์ขึ้นไป แต่ในช่วง 40-50 ปีที่ผ่านมามีจำนวนแผ่นดินไหวครั้งใหญ่โดยเฉลี่ยต่อปีสูงกว่าค่าเฉลี่ยประมาณ 12 ครั้ง
แต่การเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่สองครั้งในระยะเวลาสั้น ๆ เกิดขึ้นได้บ้างเป็นครั้งคราว และไม่ได้หมายความว่าจะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ขึ้นตามมาเสมอไป
“มันไม่ได้เกิดขึ้นตลอดเวลา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นบ่อยนัก” แบรนดอน ชมานด์ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยไรซ์และผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวกล่าว
แม้นักวิทยาศาสตร์รู้ว่าแผ่นดินไหวครั้งใหญ่กำลังจะมาถึง แต่ยังไม่มีวิธีทำนายได้อย่างแม่นยำว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด
“ไม่มีใครสามารถทำนายการเกิดแผ่นดินไหวได้ แต่การตรวจสอบรอยเลื่อนและแผ่นดินไหวในอดีต ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถประเมินโอกาสที่จะเกิดแผ่นดินไหวในอนาคตและความรุนแรงของการสั่นสะเทือนได้ดียิ่งขึ้น” USGS กล่าว
ลูซี่ โจนส์ นักแผ่นดินไหววิทยาจากสถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย (CalTech) กล่าวว่า การเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.0 ริกเตอร์ขึ้นไปสองครั้งติดกันเป็นความบังเอิญล้วน ๆ โดยเฉลี่ยแล้วจะมีแผ่นดินไหวขนาด 7.0 ริกเตอร์เกิดขึ้นประมาณหนึ่งครั้งต่อเดือนในที่ใดที่หนึ่งของโลก และเกิดด้วยการกระจายแบบสุ่ม บางเดือนอาจจะไม่มีแผ่นดินไหวเกิดเลย แต่บางเดือนอาจจะเกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงเวลาสั้น ๆ
โจนส์คาดการณ์จากความน่าจะเป็นว่า ทุก ๆ สองสามปีมีแนวโน้มที่จะเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7 ริกเตอร์ขึ้นไปภายในไม่กี่วัน
แผ่นดินไหวครั้งหนึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหวอีกครั้งหนึ่งได้ เช่นเดียวกับแผ่นดินไหวตามหลัง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างแผ่นดินไหวในอะแลสกาและญี่ปุ่นนั้นดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกันเลย ชมานด์กล่าว โดยทั่วไปแล้ว แผ่นดินไหวตามมักเกิดขึ้นในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์เดียวกันกับแผ่นดินไหวหลัก
โจนส์กล่าวว่า มีโอกาสประมาณ 5% หลังจากแผ่นดินไหวใด ๆ ก็ตาม ที่จะเกิดแผ่นดินไหวอีกครั้งในบริเวณใกล้เคียงภายในไม่กี่วัน ซึ่งมีขนาดความรุนแรงมากกว่า แม้ว่าโอกาส 5% อาจดูไม่มาก แต่ก็มากกว่าโอกาสพื้นฐานมาก และนี่คือสิ่งที่ทำให้ทางการญี่ปุ่นต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดในขณะนี้
ที่มา: Independent, Newsweek, USA Today







