เสี่ยงอย่างไม่เป็นธรรม | บวร ปภัสราทร

เสี่ยงอย่างไม่เป็นธรรม | บวร ปภัสราทร

ถ้าเสี่ยงแล้วทุกคนเสี่ยงด้วยกัน คงไม่มีใครว่าอะไร แต่ถ้าทำงานด้วยกันแล้วความเสี่ยงแทบทั้งหมดตกอยู่กับคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น อีกกลุ่มหนึ่งไม่ต้องเสี่ยงอะไรเลย คงเป็นเรื่องผิดปกติมากๆที่จะทำงานด้วยกันอีกต่อไป

ถ้าจำใจต้องอยู่กันต่อไป โอกาสจะได้ใจทุ่มเททำงานโดยทั่วหน้าคงเป็นไปไม่ได้  ที่น่าแปลกใจขึ้นไปอีกคือคนที่รับความเสี่ยงไว้มาก ๆ มักจะเป็นคนที่ลงแรงทำงานมากกว่าคนที่รับความเสี่ยงน้อย กลายเป็นว่าคนขยันแบกรับความเสี่ยงมาก คนไม่ขยันไม่ต้องเสี่ยงอะไรเลย ในสภาพนี้จะไปหวังอะไรกับการงานที่เป็นเลิศ แค่ทำงานให้เสร็จไปแต่ละวันได้ก็ดีแล้ว

ถ้าความจำเป็นคือเงินในบ้านหมดกระเป๋า เป้าหมายที่ต้องทำให้เกิดขึ้นคือ หาเงินมาเติมกระเป๋าให้เพียงพอ จะเติมเงินหนทางอื่นก็ทำไม่เป็น เลยต้องเปิดบ้าน แบ่งห้องให้คนอื่นมาเช่าอยู่อาศัย  โดยหวังจะได้เงินทองค่าเช่า คนเปิดบ้านอยู่ชั้นบน คนอื่นที่อยู่ในบ้านอยู่ชั้นล่างเหมือนกับห้องที่แบ่งให้เช่า คนเปิดบ้านได้เงินทองค่าเช่า คนอยู่ชั้นล่างได้ความเสี่ยง เรื่องทำนองนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าทุกคนในบ้าน รวมทั้งคนเปิดบ้านมีวัฒนธรรมเสี่ยงอย่างเป็นธรรม

เริ่มจากทั้งผู้นำผู้ตามต้องเห็นร่วมกันว่าการจัดการกับความเสี่ยงเป็นเรื่องของทุกคน บนพื้นฐานความเชื่อว่าตราบเท่าที่มีความเสี่ยงอยู่ทุกคนไม่ว่าเล็กว่าใหญ่ต่างเสี่ยงด้วยกันทั้งสิ้น  ถ้าจะเปิดบ้านชั้นล่างให้คนเช่าหาเงินหาทอง คนอยู่ชั้นบนก็พร้อมที่จะช่วยลดความเสี่ยงให้กับคนที่อยู่ชั้นล่าง เพราะความเสี่ยงเป็นของทุกคน ถ้าฉีดวัคซีนยี่ห้อดีครบไปก่อนใคร แล้วมาบอกให้คนที่สักเข็มหนึ่งก็ยังไม่ได้ฉีดว่าเรามาเสี่ยงโรคระบาดด้วยกัน อย่างนี้พูดไม่ได้ว่ามีวัฒนธรรมเสี่ยงอย่างเป็นธรรม แต่เรียกว่าเสี่ยงแบบเอาตัวฉันรอด คนอื่นช่างมัน

ทุกคนที่อยู่ร่วมกันต้องพูดถึงความเสี่ยงในเรื่องเดียวกัน 

ถ้าคนอยู่ที่ลุ่มพูดแต่เรื่องเสี่ยงน้ำท่วม คนอยู่ที่ดอนพูดแต่เรื่องเสี่ยงน้ำแล้ง ดังนั้นความเสี่ยงเรื่องน้ำจะคงอยู่ตลอดไปในสังคมนั้น ตราบเท่าที่ต่างคนต่างพูดแต่ความเสี่ยงของตนเอง วันใดที่ทั้งสองกลุ่มพูดว่าความเสี่ยงคือเรื่องน้ำ จะแล้งจะท่วมล้วนเป็นความเสี่ยงร่วมกัน บ้านตัวเองอยู่ที่ไกลน้ำท่วม แล้วบอกคนที่บ้านจมน้ำท่วมว่าเป็นเรื่องของฝน  แปลว่าพูดเรื่องความเสี่ยงกันคนละเรื่อง ซึ่งความเสี่ยงนั้นไม่มีวันที่จะหมดไป มีแต่หมุนเวียนวนไปวนมาตลอดไป

ความเสี่ยงจะลดลงไปได้มาก ถ้ามีวัฒนธรรมการพูดจากันอย่างตรงไปตรงมา ไม่ซ่อนเร้นปกปิดระหว่างกัน มีอะไรเสี่ยงก็พูดจากันอย่างเปิดอก ไม่ตะแบงหลักการเพื่อบิดเบือนหรือปกปิดความเสี่ยงที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาข้างหน้า การสื่อสารและการทำงานร่วมกันอย่างโปร่งใสเป็นองค์ประกอบสำคัญของการมีวัฒนธรรมเสี่ยงอย่างเป็นธรรม  ถ้ายังพูดเรื่องความเสี่ยงกันอย่างตรงไปตรงมาไม่ได้ อย่าคิดถึงการงานที่เสี่ยงน้อย ให้คิดว่าจะลงทุนเพิ่มเติมอีกแค่ไหนถึงจะช่วยลดความเสี่ยงได้

เพราะการลดความเสี่ยงหมายถึงการลงทุนเพิ่มขึ้นเสมอ ถ้าไม่มีเงินทุนจะเพิ่มเติมลงไป ก็ให้ยอมรับว่าผลลัพธ์ผลผลิตในการทำงานจะลดลงไปมาก 

ที่ตามมาจากการสื่อสารเรื่องความเสี่ยงอย่างตรงไปตรงมา และโปร่งใส คือการส่งเสริมให้มีการพูดจาหารือกันในเรื่องความเสี่ยงเป็นประจำ อย่าทำให้ใครสักคนที่ชวนคุยเรื่องความเสี่ยง กลายเป็นตัววุ่นวาย ต้องปรับเปลี่ยนให้ทุกคนพร้อมและสบายใจที่จะหารือกันเป็นประจำ รวมทั้งถกเถียงกันในเรื่องความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

วัฒนธรรมในการยกประเด็นความเสี่ยงมาหารือกันเป็นประจำนี้ ตัวผู้นำมีบทบาทสำคัญมาก ถ้าผู้นำทะนงตนจนเกลียดชังการกล่าวถึงความเสี่ยง องค์กรนั้นจะเป็นองค์กรที่สุ่มเสียงอย่างมาก จนพร้อมจะล่มสลายได้ทุกขณะ 

ความเสี่ยงบางเรื่องซ่อนตัวอยู่อย่างมิดชิด ถ้าไม่เสาะหากันจริงจังก็มักไม่เจอ ดังนั้นต้องส่งเสริมให้ทุกคนเป็นนายพรานล่าความเสี่ยง ใครเห็นอะไรที่เสี่ยง ไม่ว่าจะเสี่ยงมากเสี่ยงน้อยต้องไม่ละเลยที่จะป่าวประกาศให้ทุกคนได้รับรู้ ต้องไม่มีการเซนเซอร์ตนเองเพื่อปกปิดความเสี่ยงที่พบเจอ เพียงเพราะเกรงอกเกรงใจ หรือเกรงกลัวอำนาจต่างๆ


ใครก็ตามที่ชวนคนอื่นมาเสี่ยงในขณะที่ตนเองไม่เคยต้องเสี่ยงไปด้วย คนนั้นไม่ใช่คนที่ควรจะไปร่วมหัวจมท้ายด้วยอย่างเด็ดขาด.