BANPU ส่อร่วงต่อเนื่อง นักลงทุนกังวลเพิ่มทุน 3.1 หมื่นล้าน

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บมจ.บ้านปู (BANPU) วานนี้ (1 ก.ค.) ปรับตัวลงตั้งแต่เปิดตลาด และลดลงต่ำสุดที่ 12.90 บาท ลดลง 2.7 บาท หรือ 20.93% ก่อนรีบาวด์ช่วงท้ายตลาดมาปิดที่ 13.30 บาท ลดลง 2.30 บาท หรือ 14.74% จากความกังวลเพิ่มทุน 5.07 พันล้านบาท ขายผู้ถือหุ้นเดิม-ออกวอร์แรนท์

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเสนอผู้ถือหุ้นเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 5,074.58 ล้านบาท จากเดิม 5,074.58 ล้านบาท เป็น 10,149.16 ล้านบาท เพื่อรองรับการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น จำนวน 5,074.58 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท  อัตรา 4 หุ้น เดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคาหุ้นละ 5 บาท และเพื่อรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอแรนท์) ที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ซึ่งจะออกให้แก่ผู้ถือหุ้นที่ใช้สิทธิเพิ่มทุน

โดยบริษัทจะออกและจัดสรรวอแรนท์จำนวนไม่เกิน 3,805.93 ล้านหน่วย แบ่งเป็น BANPU-W4 ไม่เกิน 1,268.64 ล้านหน่วย อายุ 1 ปี ราคาใช้สิทธิ 5 บาทต่อหุ้น, BANPU-W5 จำนวนไม่เกิน 1,268.64 ล้านหน่วย อายุ 2 ปี ราคาใช้สิทธิ 7.5 บาทต่อหุ้น และ BANPU-W6 จำนวนไม่เกิน 1,268.64 ล้านหน่วย อายุ 3 ปี ราคาใช้สิทธิ 7.5 บาทต่อหุ้น  

หากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนและวอแรนท์ได้เต็มจำนวนจะได้เงินระดมทุนรวม 31,716 ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการลงทุนต่างๆ ในอนาคต เป็นเงินสำรองเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนโครงการใหม่ และชำระหนี้

นายจักรพงศ์ เชวงศรี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ราคาหุ้น BANPU ปรับตัวลงอย่างรุนแรงหลังการประกาศเพิ่มทุน โดยคาดว่าเป็นผลจากที่นักลงทุนกังวล Dilution Effect กล่าวคือจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นเดิมถืออยู่จะลดลง 50% ขณะที่ราคาหุ้นจะมีมูลค่าลดลง 30% แม้ผู้ถือหุ้นจะได้มูลค่าเพิ่มจากวอแรนต์ที่บริษัทจัดสรร นอกจากนี้ คาดว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงเป็นผลจากแรงขายของนักลงทุนสถาบันเพื่อปรับพอร์ตรองรับการเพิ่มทุน โดยคาดว่าราคาหุ้นในช่วง 1 สัปดาห์ต่อจากนี้ (1-7 ก.ค.) จะแกว่งผันผวนในกรอบ 11-15 บาท

ทั้งนี้ BANPU ประกาศเพิ่มทุนเท่าตัว ภายหลังอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E  Ratio) มีความเสี่ยงขยับเข้าใกล้อัตราหนี้สินที่สัญญาเงินกู้กำหนด (Covenant) ที่ 1.75 เท่า ส่งผลให้บริษัทไม่สามารถขยายธุรกิจผ่านการกู้ยืมสถาบันการเงินเพิ่มได้ โดยฝ่ายวิจัยคาดว่าอัตราหนี้สินของบริษัทจะขยับขึ้นไปอยู่ที่ 1.5-1.6 เท่าในปลายปี 2564 จาก ณ จาก ณ สิ้นไตรมาส 1 ปีนี้ที่ 1.39 เท่า ขณะที่การเพิ่มทุนในครั้งนี้จะส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทลดลงเหลือ 0.9 เท่า