ERW - อยู่ระหว่างทบทวน

ERW - อยู่ระหว่างทบทวน

ไม่ช้าก็เร็ว..อาจต้องเพิ่มทุนก็เป็นได้

Event

ประชุมนักวิเคราะห์

Impact

คาดผลประกอบการจะทยอยฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปใน 2H63

โรงแรม Hop Inn ของ ERW ทยอยกลับมาเปิดบริการตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม และเปิดครบทั้ง 44 แห่งแล้วตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ซึ่งจนถึงขณะนี้ ผลการดำเนินงานของโรงแรม Hop Inn ฟื้นตัวได้ไว โดยมี EBITDA อยู่ในแดนบวกตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 และยังรักษาระดับ occupancy ไว้ได้ที่ 60-65%
quarter-to-date ในขณะเดียวกัน ERW ได้กลับมาเปิดโรงแรมสามแห่งในพัทยาและหัวหินตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 และกลับมาเปิดโรงแรมทที่เหลือทั้งหมดในเดือนสิงหาคม 2563 ทั้งนี้ โรงแรมระดับหรูมีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่า โดย occupancy ในเดือนสิงหาคมเฉลี่ยอยู่ที่ 10-15% เท่านั้น เพราะผลการ
ดำเนินงานของโรงแรมกลุ่มนี้จะขึ้นอยู่กับการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในขณะที่ผลการดำเนินงานของโรงแรมระดับกลางที่ฟื้นตัวไวกว่า โดย occupancy ในเดือนสิงหาคมเฉลี่ยอยู่ที่ 20-25%

โดยสรุปแล้ว เรามองว่ากิจการโรงแรมจะฟื้นตัวได้อย่างอ่อน ๆ ใน 2H63 แต่การฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญจะยังคงขึ้นอยู่กับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ดังนั้น เราจึงคาดว่า ERW จะยังรายงานผลขาดทุนสุทธิใน 2H63

เลื่อนแผนลงทุนออกไปก่อน

ERW ปรับลด CAPEX ปี 2563 ลงเหลือ 700 ล้านบาท จากเดิมที่กำหนดไว้ที่ 1,400 ล้านบาท เนื่องจากการบริหารจัดการกระแสเงินสดเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของบริษัทในปีนี้ ดังนั้น ในปีนี้จะมีโรงแรม Hop Inn ใหม่เปิดเพิ่มลดลงจากเดิม 7 แห่ง (478 ห้อง) เหลือแค่ 4 แห่ง (293 ห้อง) ซึ่งเปิดไปแล้ว 1 แห่ง (79 ห้อง) ใน 1Q63

เราคงมุมมองว่ามีความเป็นไปได้ที่จะต้องเพิ่มทุน

ผู้บริหารคาดยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุนในระยะสั้น เนื่องจาก i) มีเงินสดในมือเพียงพอ (1.5 พันล้านบาท เมื่อสิ้นงวด 2Q63) ii) ยังมีวงเงินสินเชื่อกับธนาคารที่สามารถเบิกใช้ได้อีกกว่า 5 พันล้านบาท iii) การชะลอแผนการลงทุน และ iv) ขอเวฟการประเมิน debt covenant ประจำปีออกไป อย่างไรก็ตามในระยะกลางถึงยาว ERW ก็ได้ประเมินทางเลือกต่าง ๆ เพื่อเป็นแผนสำรอง อย่างเช่นการขายสินทรัพย์ การขายหุ้นแบบ private placement และการเพิ่มทุน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับว่าสถานการณ์โรคระบาดจะยืดเยื้อนานแค่ไหน

เรายังคงมองว่าสถานการณ์ระบาดของ COVID-19 จะยืดเยื้อถึงปี 2564F และสุดท้ายจะส่งผลให้ ERW อาจพิจารณาเพิ่มทุน เนื่องจากทางเลือกอื่น ๆ อย่างเช่น การขายสินทรัพย์อาจทำได้ยากกว่า

เมื่อสิ้นงวด 2Q63 สัดส่วน D/E ของ ERW อยู่ที่ 2.4x และเราคาดว่าเมื่อถึงสิ้นปีนี้อาจจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.0x สูงกว่า debt covenant ที่ 2.5x) ในเบื้องต้น เราใช้สมมติฐานว่า ERW อาจต้องเพิ่มทุน 630 ล้านหุ้น (dilution 20% ที่ราคาขาย 3.00 บาท/หุ้น) ซึ่งจะส่งผลให้งบดุลแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับผลขาดทุนสุทธิได้ปีละ 2 พันล้านบาทในปี 2563-64F และสัดส่วน D/E จะลดลงมาอยู่ในระดับ 2.0-2.1x ในปี2563-64F

Valuation & action

เรากำลังอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย เนื่องจากยังมี downside risk ต่อประมาณการปี 2563-64F อีกมากกว่า 30%

Risks

นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงเกินคาด