ผันผวน..รอปัจจัยใหม่

ผันผวน..รอปัจจัยใหม่

คาด SET แกว่งตัว 1,625 – 1,640 จุด แม้ว่าภาวะตลาดจะได้ปัจจัยบวกจากงบประมาณปี 63 วาระแรกผ่านสภาฯด้วย 251 คะแนน

ตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์

SET Index อ่อนตัวลง -1.37 จุด (-0.08%) ปิดที่ระดับ 1,631 จุด ด้วย Volume 5.5 หมื่นล้านบาท ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคหลังขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน รวมถึงนักลงทุนผิดหวังตัวเลข GDP 3Q19 ของจีนที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดการณ์จากผลกระทบสงครมการค้า โดยส่วนใหญ่เป็นแรงขายในกลุ่ม PROP TOURISM  ETRON  ที่กดดันดัชนี ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,655 ล้านบาท และ Net Short TFEX จำนวน 6,224 สัญญา อีกทั้งขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,134 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัว 1,625 – 1,640 จุด โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะได้ปัจจัยบวกจากงบประมาณปี 63 วาระแรกผ่านสภาฯด้วย 251 คะแนน อย่างไรก็ตามประเด็นลบจาก IMF ปรับลดคาดการณ์ GDP โลกปีนี้ลงต่ำสุดในรอบ 10 ปีที่ระดับ 3.0% (จากเดิม 3.2%) จากผลกระทบ Tradewar , สถานการณ์ Brexit ที่ยังยืดเยื้อซึ่งมีความเป็นไปได้ที่อังกฤษจะต้องส่งหนังสือถึง EU เพื่อขอเลื่อน Brexit ออกไปอีก 3 เดือน นอกจากนี้กระแส Fund Flow ต่างชาติที่ยังคงไหลออกต่อเนื่องโดย Net sell 6.6 พันลบ.MTD. รวมถึงความกังวลผลประกอบการ 3Q19 ของกลุ่มพลังงานที่คาดว่าจะอ่อนตัวลงจาก Stock loss จะกดดันให้ดัชนีอ่อนตัวลง

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • หุ้นที่คาดว่างบ 3Q19 จะเติบโต GPSC, BGRIM, EA, ADVANC, BCH, CHG, EPG, TASCO ,PRM, JMT, JMART, BGC
  • กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD) ได้ประโยชน์ต้นทุนลดลงจากทิศทางดอกเบี้ยขาลง
  • Defensive stock AOT, INTUCH, ADVANC, BEM, BTS, BDMS, BCH, CHG, GPSC, TTW, CPALL

หุ้นแนะนำวันนี้

  • ADVANC (ปิด 231 ซื้อ/เป้า 260) ปลอดภัยจาก Trade war, ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการ 3Q19 ยังเติบโตตรงข้ามกับหุ้น Big Cap ในกลุ่ม พลังงานและธนาคารที่ชะลอตัว โดยเราคาดกำไรสุทธิประมาณ 8.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10%qoq และ 25%yoy
  • EPG (ปิด 7.85 ซื้อเก็งกำไร/เป้าสูงสุด IAA Consensus 9.4) คาดกำไรสุทธิ 2Q20 (ก.ค.-ก.ย.19) น่าจะกลับมาเติบโตทั้ง qoq และ yoy จากการฟื้นตัวดีขึ้นในทุกธุรกิจ โดยเฉพาะ Packaging และ Aeroklas ซึ่งได้ผลบวกจากต้นทุนเม็ดพลาสติกที่ลดลง (HDPE, PP, PET) และยังมีแนวโน้มจะลดลงอีกตามราคาน้ำมันดิบในปัจจุบันที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน

บทวิเคราะห์วันนี้

LPN (ปิด 5 ปรับลดเป็นถือ /เป้าใหม่ 5.25 เดิม 9.7), Energy sector (Top pick: TOP, SPRC, BCP)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (-) เศรษฐกิจจีนเข้าสู่ New normal, เศรษฐกิจโลกเติบโตในอัตราที่ต่ำลง คือโจทย์ใหญ่ของประเทศพึ่งพาการส่งออก โดยเฉพาะไทย : ในอดีตเราเคยเห็นเศรษฐกิจจีนโตเฉลี่ย 10% ต่อปี แต่ปัจจุบันเศรษฐกิจจีนได้รับผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้า รวมถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจที่ลดการพึ่งพาการส่งออกและเน้นการบริโภคในประเทศส่งผลให้เศรษฐกิจจีนเข้าสู่อัตราการเติบโตใหม่ (New normal) หรือมีอัตราการเติบโตต่ำลงเมื่อเทียบกับในอดีต โดยล่าสุดจีนประกาศ GDP 3Q19 ขยายตัว 6% ลดลงจาก 6.2% ใน 2Q19 และต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 6.1% ขณะที่ IMF ลดคาดการณ์ GDP โลกในปีนี้ลงสู่ระดับ 3% ต่ำสุดนับตั้งแต่ Hamburger crisis นับเป็นโจทย์ใหญ่ของประเทศที่พึ่งพาการส่งออกโดยเฉพาะไทย ซึ่งปีนี้อาจจะเห็นอัตราการเติบโตของ GDP ต่ำกว่า 3% หรือต่ำกว่าเศรษฐกิจโลก
  • (+) Brexit ยังไม่จบ เมื่อรัฐสภาอังกฤษขอเลื่อนการลงมติจนกว่าจะผ่านร่างกฏหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด : เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมารัฐสภาอังกฤษจัดการประชุมเพื่อลงมติรับร่าง Brexit ฉบับของ นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรี แต่ที่ประชุมขอแปรญัตติเพื่อขอให้มีการเลื่อนการลงมติออกไปก่อนด้วยคะแนนเสียง 322 ต่อ 306 คะแนน เนื่องจากต้องการให้สภาฯผ่านร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก่อน ซึ่งผลแปรญัตติในครั้งนี้ทำให้เป็นไปได้สูงว่าอังกฤษจะต้องส่งหนังสือถึง EU เพื่อขอเลื่อน Brexit ออกไปอีก 3 เดือน หรืออีกทางเลือกคืออังกฤษจะต้องจัดให้ลงมติ Brexit ใหม่ก่อนที่จะถึงกำหนดเส้นตายในวันที่ 31 ต.ค. นี้ 
  • (+) คลายกังวล กฎหมายงบประมาณปี 63 (วาระแรก) ผ่านสภาฯแล้วด้วยมติรับหลักการ 251 คะแนน : ผ่านไปแล้วสำหรับการประชุมสภาฯเพื่อพิจารณารับหลักการของร่าง พรบ.งบประมาณประจำปี 2562 โดยผลลงมติมี ส.ส.ลงคะแนนรับหลักการทั้งหมด 251 คน ไม่รับหลักการ 1 คน และ อีก 234 คนงดออกเสียง แต่ด้วยคะแนนส.ส.ที่ลงมติรับหลักการเกินกึ่งหนึ่งของจำนวน ส.ส. ทั้งหมดทำให้การลงมติในครั้งนี้ผ่านสภาไปได้ ขั้นตอนต่อจากนี้ จะมีการตั้งกรรมาธิการเพื่อแปรญัตติและจะมีการประชุมในวาระที่ 2 และ วาระที่ 3 อีก จากนั้นจึงจะส่งเรื่องให้ ส.ว. พิจารณา และให้พระเจ้าอยู่หัวพิจารณาโปรดเกล้าฯ ซึ่งคาดกระบวนการทั้งหมดน่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือน ก.พ.ปีหน้า