รอปัจจัยใหม่

รอปัจจัยใหม่

ซื้อเล่นรอบในกรอบ 1,620 – 1,635 จุด

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index ปรับแกว่งตัว -2.12 จุด (-0.13%) ปิดที่ระดับ 1,628 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.5 หมื่นล้านบาท จากความกังวลภายนอกหลังประธานสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐเปิดฉากไต่สวนเพื่อถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่งฐานติดต่อกับรัฐบาลต่างชาติให้แทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐ รวมถึงแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลง ส่งผลให้มีแรงขายในกลุ่ม ENERGY, ICT และ PETRO กดดัชนีให้อ่อนตัวลง ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 176 ล้านบาท รวมถึงขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,468 ล้านบาท และ Net Short TFEX จำนวน 6,453 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัว 1,620 - 1,635 จุด โดยแม้ว่าสถานการณ์ Trade war จะผ่อนคลายลงหลังปธน.ทรัมป์เผยว่าสหรัฐจะสามารถทำข้อตกลงการค้ากับจีนได้เร็วกว่าที่คาด รวมถึงก่อนหน้านี้จีนได้สั่งซื้อถั่วเหลือง 600,000 ตันจากสหรัฐซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณบวกต่อการเจรจาการค้าที่จะจัดขึ้นรอบใหม่ในเดือนต.ค. ประกอบกับแรงซื้อดักการทำ Window dressing ปิด 3Q19 ที่จะช่วยหนุนดัชนี อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลงจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรลจะเป็นลบต่อกลุ่มพลังงาน นอกจากนี้ Fund Flow ต่างชาติยังคงไหลออกต่อเนื่อง (Net sell 9 พันลบ. MTD.) ยังคงกดดันต่อแนวโน้มตลาดในช่วงนี้ ดังนั้น แนะนำ ซื้อเล่นรอบในกรอบ 1,620 – 1,635 จุด

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มท่องเที่ยว (ERW, MINT) และส่งออก (GFPT, TU) ครม.เศรษฐกิจจะพิจารณามาตรการกระตุ้นศก.ด้านการส่งออก-ท่องเที่ยวในวันที่ 7 ต.ค.
  • กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD, THANI) ได้ประโยชน์ต้นทุนลดลงจากทิศทางดอกเบี้ยขาลง
  • Defensive stock AOT, INTUCH, ADVANC, BEM, BTS, BDMS, BCH, CHG, GPSC, BGRIM, TTW, CPALL

หุ้นแนะนำวันนี้

  • GFPT (ปิด 17.7 ซื้อ /เป้า 21 บาท) ได้ผลบวกจากข่าวพบการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์หมู (ASF) ในจังหวัดเชียงราย และราชบุรี คาดประชาชนหันไปบริโภคเนื้อไก่เพื่อเป็นการทดแทน โดย GFPT มีสัดส่วนรายได้จากไก่และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องคิดเป็น 80% ของรายได้รวม ล่าสุดราคาขายไก่ในประเทศเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 37 บาทต่อก.ก.เพิ่มขึ้น 4% จาก 2Q19 และเพิ่มขึ้น 10-15%yoy
  • SPA (ปิด 14.6 ซื้อ/เป้าสูงสุด IAA Consensus 16.2) “ชิม ช้อป ใช้” ฮอตฮิตต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 โดยมียอดลงทะเบียนรับสิทธ์เต็มเพดานที่ 1 ล้านคนต่อวันเป็นวันที่ 4 ส่งผลบวกโดยตรงต่อ SPA เนื่องจากเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ นอกจากนี้ยังได้ Sentiment บวกจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่กลับมาฟื้นตัวเนื่องจาก SPA มีสัดส่วนลูกค้าชาวจีนคิดเป็น 50% ของรายได้รวม

บทวิเคราะห์วันนี้

Thailand Strategy (Gainers / Losers in the IMO Regulation)

 ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+) Trade war พลิกไปพลิกมา แต่ล่าสุดออกมาเป็นโทนบวก หลัง ทรัมป์ มั่นใจจะบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีนได้เร็วกว่าคาด : ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 163 จุด (+0.61%) ปิดที่ 26,971 จุด เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ หลังจากล่าสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาระบุว่าเขามีความมั่นใจว่าสหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าได้เร็วกว่าที่คาดไว้ ช่วยลดความกังวลที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนหน้าจากการที่ ทรัมป์ ขึ้นกล่าวโจมตีจีนในการประชุมสหประชาชาติ(UN)
  • (-) น้ำมันดิบลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 หลังการผลิตน้ำมันดิบของซาอุฯใกล้กลับสู่ระดับปกติ ขณะที่สต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นสวนทางกับที่ตลาดคาด : ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 80 เซนต์ (-1.4%) ปิดที่ระดับ 56.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 โดยมีปัจจัยลบสำคัญคือ 1) สต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 โดยเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่ Consensus คาดว่าจะลดลง 0.19 ล้านบาร์เรล และ 2)คลายกังวลภาวะอุปทานตึงตัวหลังจากการผลิตน้ำมันดิบของซาอุฯใกล้สู่ระดับปกติแล้ว ล่าสุดการผลิตน้ำมันดิบของซาอุฯอยู่ที่ระดับ 11.3 ล้านบาร์เรลต่อวันเพิ่มขึ้นจากระดับ 9.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงถูกโจมตี
  • (+/-) แบงก์ชาติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.5% แต่ปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยปีนี้เป็น 2.8% จากเดิม 3.3% : วานนี้ที่ประชุม กนง.มีมติ 7:0 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.5% ตามที่ตลาดส่วนใหญ่คาดไว้ แต่ด้วยภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแอ แบงก์ชาติจึงปรับลดคาดการณ์ GDP ของไทยในปีนี้และปีหน้าลงเหลือขยายตัว 2.8% และ 3.3% จากเดิมคาดว่าจะขยายตัว 3.3% และ 3.7% ตามลำดับ โดยปัจจัยลบหลักมาจากภาคส่งออกที่ชะลอตัว การบริโภคในประเทศฟื้นตัวได้น้อยกว่าที่คาดไว้ ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวมีการขยายตัวในอัตราที่ลดลง การคงอัตราดอกเบี้ยของแบงกชาติไว้ที่ระดับ 1.5% เป็นกลางกับกลุ่ม ธนาคาร แต่เป็นบวกกับกลุ่มไฟแนนซ์ และ อสังหาฯ