TOP - ซื้อ

Event

ประมาณการ 3Q62

Impact

คาดว่ากำไรสุทธิใน 3Q62F จะลดลง 88% YoY แต่เพิ่มขึ้น 1% QoQ

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ TOP ใน 3Q62 จะอยู่ที่ 571 ล้านบาท (-88% YoY, +1% QoQ) โดยกำไรที่ลดลงYoY จะเป็นเพราะมีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน 643 ล้านบาทใน 3Q62 จากที่มีกำไรจากสต็อกน้ำมันสูถึง 1.2 พันล้านบาทเมื่อปีก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดูไบลดลง 10% QoQ เหลือ US$61/bbl ใน 3Q62 ในขณะเดียวกันผลประกอบการที่ทรงตัว QoQ เป็นเพราะถูกกดดันจากการที่โรงกลั่นทำ major turnaround เป็นเวลา 30 วันระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน - 15 กรกฎาคม ส่งผลให้อัตราการกลั่นลดลง 3%
QoQ เหลือ 275KBD แม้ว่า base GRM ของ TOP จะเพิ่มขึ้นถึง 74% QoQ เป็น US$4.5/bbl เนื่องจากspread ของน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นถึง 55% QoQ เป็นUS$11.6/bbl และ spread ของน้ำมันดีเซลก็เพิ่มขึ้น 23% QoQ เป็น US$15.3/bbl นอกจากนี้ เรายังคาดว่ากำไรจากธุรกิจ aromatics จะลดลง QoQ เนื่องจาก i) spread ของ PX ลดลง 28% QoQ เหลือ US$196/ton เพราะตลาดเป็นกังวลกับโรงงาน aromatics ขนาดใหญ่สี่แห่งใหม่กำลังการผลิต PX รวม 4.65MTA ที่จะเริ่มผลิตใน 2H62 และ ii) อัตราการใช้กำลังการผลิตของ TOP ลดลง QoQ จาก 64% เหลือ 60% เนื่องจากมีการปิดซ่อมบำรุงตามแผนเป็นเวลา 45 วัน ระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน - 30 กรกฎาคม สำหรับรายการพิเศษ เราคาดว่า TOP จะมีรายการ OPEX พิเศษเพิ่มขึ้นจาก major turnaround เป็นประมาณ 650 ล้านบาทใน 3Q62 จาก 350 ล้านบาทใน 2Q62

ยังคงมองบวกกับแนวโน้มตลาดโรงกลั่นใน 2H62

เราเชื่อว่าตลาดโรงกลั่นจะเริ่มตอบสนองต่อนโยบายสิ่งแวดล้อมของ IMO ใน 2H62 ซึ่งเราเริ่มเห็นสัญญาณการปรับตัวดีขึ้นของ spread น้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้น 5% MoM เป็น US$16/bbl ในเดือนกันยายนแล้ว นอกจากนี้ เรายังคาดว่าอุปสงค์น้ำมันดีเซลจะแข็งแกร่งมากขึ้นใน 4Q62 เนื่องจากเป็นช่วง high season ในฤดูหนาว ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยหนุนค่าการกลั่นให้เพิ่มขึ้น ดังนั้นเราจึงมองว่า TOP เป็นหนึ่งในบริษัทที่จะได้อานิสงส์มากที่สุดเมื่อตลาดโรงกลั่นฟื้นตัวขึ้น เพราะมีกำลังการกลั่นสูงที่สุดในประเทศไทยที่ 275KBD และธุรกิจโรงกลั่นสร้างกำไรให้กับบริษัทคิดเป็นประมาณ 60% ของEBITDA ทั้งหมดรวม นอกจากนี้ เราเชื่อว่าโรงกลั่นของ TOP จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นหลังจากที่
กลับมาเริ่มผลิตอีกครั้งหลังทำ major turnaround แล้ว

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และให้ราคาเป้าหมาย 1H63 ที่ 75.00 บาท อิงจาก EV/EBITDA ที่ 6.5x โดยเรายังคงเลือก TOP เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มพลังงาน เพื่อเก็งกำไรจากอานิสงส์ของนโยบาย IMO

Risks

ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ, GRM และ spread ปิโตรเคมี, การที่ TOP ปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นตามแผนเป็นเวลา 30 วันในช่วงเดือนมิถุนายน - กรกฎาคม