LPN - ซื้อ

กำไรเติบโตเด่น 2 ไตรมาสติดต่อกัน

LPN มีงานในมือราว 1.3 หมื่นล้านบาท รอบันทึกรายได้ในช่วง 2Q58-4Q58 โดยในเบื้องต้น เราคาดเห็นการบันทึกรายได้ที่เติบโตเริ่มต้นใน 2Q58 ราว 4.2 พันล้านบาท และการบันทึกรายได้จะเติบโตมากสุดใน 3Q58 ราว 5.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นไตรมาสที่มีผลประกอบการเด่นสุด จากการบันทึกรายได้ของโครงการมูลค่าสูง 4 แห่ง มูลค่าสูงกว่า 3 พันล้านบาท คือ โครงการ Lumpini Place ศรีนครินทร์-สถานีหัวหมาก ,Lumpini Park รัตนาธิเบศธ์ งามวงศ์วาน และ Lumpini Township รังสิต-คลอง1 ซึ่งมียอดขายโดยเฉลี่ยกว่า 90% ซึ่งจะทำผลประกอบการของ 2Q58 และ 3Q58 เติบโตเมื่อเทียบกับรายปี 

ยอดขายทำได้ต่อเนื่อง

บริษัทมียอดขายในงวด 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค.) อยู่ที่ 6.7 พันล้านบาท ทำได้ 33% ของประมาณการของบริษัท ทั้งปีที่ 2 หมื่นล้านบาท และเติบโต 12% เมื่อเทียบกับยอดขายในงวด 5M57 โดยมียอดขายในเดือน เม.ย. และ พ.ค.ทำได้ มากกว่า 1.5พันล้านบาท สูงกว่าค่าเฉลี่ยของยอดขายต่อเดือน ที่ 1.3 พันล้านบาท ขณะเดียวกันเราคาดว่ายอดขายในเดือน มิ.ย.จะยังทำได้ดีต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากการเปิดโครงการภายใต้ แบรนด์ใหม่ Lumpini มิกซ์ เทพารักษ์-ศรีนครินทร์ เฟสแรก ที่มีราคาระดับราคาขาย 7.2 แสนบาทต่อหน่วยได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าค่อนข้างดี มียอดขายหลังเปิดตัวได้ 80% จากมูลค่าโดรงการโดยรวม 700 ล้านบาท และคาดว่าจะเปิดเฟส 2 ในระยะถัดไป

คงแผนเปิดตัวโครงการใหม่

เราได้สอบถามข้อมูลการเปิดตัวโครงการใหม่จาก LPN ซึ่งทางบริษัทยังคงยืนยัน แผนการเปิดตัวโครงการใหม่เดิมที่จำนวน 11 โครงการ ด้วยมูลค่าโครงการ 2 หมื่นล้านบาท โดยสัดส่วนการเปิดตัวโครงการใหม่ยังคงเน้นการเปิดตัวในช่วง 2H58 เป็นหลักด้วยมูลค่าโครงการราว 1.6 หมื่นล้านบาท โดยมีโครงการมูลค่าสูงคือ Lumpini Township รังสิต-คลอง1 เฟส 2 โดยมีมูลค่ารวม 3.6 พันล้านบาท ขณะเดียวกันยังคงให้ความสนใจตลาดต่างจังหวัดคือ ชะอำ และหัวหิน หลังจากในช่วง 1Q58 โครงการ Lumpini Park Beach ชะอำ ได้รับการตอบรับดี ขายได้ 80% จากมูลค่าโครงการ 1 พันล้านบาท

คงคำแนะนำ “ซื้อ”

LPN ยังคงเป็นหุ้นที่เราแนะนำลงทุนจากประเด็นบวก ยอดขายที่ทำได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีความระมัดระวังในการเปิดตัวโครงการใหม่ สร้างยอดขายแบบค่อยเป็นค่อยไป ขณะเดียวกัน ผลประกอบการที่เติบโตเด่นใน 2Q58 ต่อเนื่องไป 3Q58 เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 2.8 พันล้านบาท เติบโต 41% YoY ราคาเหมาะสมเดิม 23.20 บาท และคาดจ่ายปันผลทั้งปีได้ 0.97 บาทต่อหุ้น ซึ่งจะให้ผลตอบแทน 5.3% ( บริษัทจ่ายปันผลปีละ 2 ครั้ง)