สิงห์ เอสเตทชูโรดแมป3ปีพัฒนาที่อยู่อาศัยพร้อมขยายฐานลูกค้า

สิงห์ เอสเตทชูโรดแมป3ปีพัฒนาที่อยู่อาศัยพร้อมขยายฐานลูกค้า

สิงห์ เอสเตทกางแผน3ปีทุ่มงบกว่า2หมื่นล้านพัฒนาที่อยู่อาศัยมูลค่า2.6หมื่นล้านนำร่องเปิดตัวบ้านเดี่ยวย่านพัฒนาการ ราคา10-100 ล้านพร้อมต่อยอดธุรกิจในเครือเพื่อเพิ่มความแกร่งให้พอร์ตโฟลิโอ หวังดันรายได้โต 25% ต่อปีใน 5 ปี

นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เผยว่า บริษัทได้ตั้งเป้าเปิดตัวโครงการที่พักอาศัยใหม่ในช่วงระยะเวลา 3 ปีมีมูลค่า 26,400 ล้านบาทเพื่อให้สอดคล้องกับแผนเชิงรุกภายใต้งบลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาท

โดยในปี 2565 บริษัทมีแผนเปิดโครงการบ้านเดี่ยวซีรีส์ใหม่กลางปีนี้ เพื่อรุกตลาดแนวราบให้ครอบคลุมพื้นที่กว้างขึ้น พร้อมขยับราคาลงมาในแต่ละโครงการ ตั้งแต่ 10-100 ล้านบาทต่อยูนิต เพื่อขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น
เนื่องจากตลาดบ้านระดับ Upper to High Class ตอบโจทย์ความเชี่ยวชาญของบริษัท สำหรับโครงการแรกที่จะเปิดตัวอยู่ในย่านพัฒนาการมีมูลค่าโครงการ2,900 ล้านบาท

 ส่วนธุรกิจอาคารสำนักงาน มีการบริหารจัดการพอร์ตลูกค้าให้สมดุลพร้อมกับนำเสนอโมเดลธุรกิจใหม่เพื่อสอดรับกับความต้องการของผู้เช่าที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้ในปีที่ผ่านมาสามารถรักษาอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยอยู่ที่ 87%

นอกจากนี้ยังวางแผนให้เช่าระยะยาวอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกระดับพรีเมียมของบริษัทเพิ่มอีก 2-3 อาคาร  ซึ่งประกอบด้วย สิงห์ คอมเพล็กซ์ เอส เมโทร และพื้นที่ค้าปลีก ซันทาวเวอร์ส ในกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอส ไพรม์ โกรท (SPRIME)ตามกลยุทธ์บริหารจัดการพอร์ตโฟลิโอของบริษัทที่จะมีการ Recycle capital สร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน รองรับการขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับผลักดันให้ SPRIME ขึ้นแท่นเบอร์ 1 กองทรัสต์ประเภทอาคารสำนักงาน

นางฐิติมา  กล่าวว่า ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานในปี 2565 จะเป็นปีแรกในการรับรู้รายได้จากการขายและโอนที่ดิน หลังจากที่ได้มีการเข้าลงทุนและปรับพื้นที่และก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค โดยบริษัทตั้งเป้าโอนที่ดินในปีนี้ 15% ของพื้นที่ขายในนิคมอุตสาหกรรมราว 992 ไร่ พร้อมรับรู้ผลประกอบการของโรงไฟฟ้า บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 1 จำกัด ซึ่งดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าประเภทพลังความร้อนร่วม ด้วยกำลังผลิต 123 เมกะวัตต์ เต็มปีเป็นครั้งแรก

สิงห์ เอสเตทชูโรดแมป3ปีพัฒนาที่อยู่อาศัยพร้อมขยายฐานลูกค้า

    “ปีนี้จึงเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการสร้าง Synergy ระหว่างทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ เชื่อมโยงโอกาส และการต่อยอดธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯ เพื่อให้ สิงห์ เอสเตท ก้าวไปเป็นหนึ่งในผู้เล่นแถวหน้าของประเทศไทย พร้อมสร้างสรรค์โมเดลธุรกิจใหม่ร่วมกับพันธมิตรแขนงต่างๆ เพื่อเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืน มุ่งหน้าสู่การขยายตัวของรายได้เฉลี่ย 25% ต่อปีภายใน 5 ปีข้างหน้า”นางฐิติมา กล่าว

 สำหรับผลประกอบการไตรมาสแรกปี65 มีรายได้จำนวน 3,008 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 130% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 จากการเติบโตของรายได้ในทุกกลุ่มธุรกิจ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงกดดันการประกอบการในหลายอุตสาหกรรม

สะท้อนผลสำเร็จจากการมุ่งปรับโครงสร้างธุรกิจในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาโดยมุ่งเน้นกลยุทธ์กระจายการลงทุนเพื่อสร้างความหลากหลายใน 4 กลุ่มธุรกิจที่เชื่อมโยงกัน ซึ่งจะผลักดันให้รายได้ในปี 2565 เติบโตเกือบเท่าตัว สู่เป้าหมายนิวไฮของบริษัท

"การเพิ่มขึ้นของรายได้รวมมีสาเหตุหลักจากผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของกลุ่มธุรกิจโรงแรม ซึ่งรายงานรายได้จากการขายและให้บริการที่ 1,690 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 3 เท่าจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากการรับรู้รายได้เต็มไตรมาสของพอร์ตโรงแรมในสหราชอาณาจักร ตอกย้ำความสำเร็จชิ้นสำคัญจากการปรับพอร์ตโฟลิโอในปีที่ผ่านมา"

สิงห์ เอสเตทชูโรดแมป3ปีพัฒนาที่อยู่อาศัยพร้อมขยายฐานลูกค้า

    จากการเสริมทัพด้วยความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องของโรงแรมทั้ง 2 แห่งในโครงการครอสโร้ด เฟส1 (CROSSROADS) สาธารณรัฐมัลดีฟส์ ที่มีอัตราการเข้าพักสูงกว่า70% ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังสามารถปรับอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยรายวันขึ้นมากว่า 7% อยู่ที่ $449 ต่อห้องต่อคืน ส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงที่สุดนับตั้งแต่เปิดให้บริการมา

นอกจากนั้นแล้ว บริษัทฯ เริ่มเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นของโรงแรมในประเทศไทย และโรงแรม Outrigger ภายหลังการเริ่มเปิดประเทศ ส่งผลให้รายได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 ของทั้ง 2 พอร์ตโฟลิโอนี้เติบโตขึ้น 28% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งส่งสัญญาณบวกต่อรายได้ในอนาคตที่จะเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด เมื่อทุกประเทศยกเลิกข้อจำกัดในการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ และการให้บริการเส้นทางบินต่างๆ สามารถดำเนินการได้อย่างเป็นปกติ

    เช่นเดียวกับรายได้จากธุรกิจที่พักอาศัยในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 ที่เติบโตขึ้น 110% จากปีก่อนหน้าสู่จำนวน 1,024 ล้านบาท จากความสำเร็จในการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียม โครงการดิ เอส สิงห์ คอมเพล็กซ์ และดิ เอส อโศก สำหรับช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ คาดการณ์ว่าการโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการบ้านแนวราบสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส จะเร่งตัวขึ้น หนุนด้วยการรับรู้รายได้จากบ้านเดี่ยวโครงการใหม่ที่เราวางแผนจะเปิดตัวในช่วงกลางปี ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตของรายได้ธุรกิจที่พักอาศัยให้เพิ่มขึ้น 50% ได้ในปี 2565 นี้