"วันน้ำโลก"เผยน้ำประปาหมู่บ้านกว่าครึ่ง ต้องปรับปรุง ก่อนนำมาบริโภค

"วันน้ำโลก"เผยน้ำประปาหมู่บ้านกว่าครึ่ง ต้องปรับปรุง ก่อนนำมาบริโภค

​กรมอนามัย  รณรงค์ "วันน้ำโลก" 22 มีนาคมของทุกปี เผยกว่าน้ำประปาหมู่บ้าน ร้อยละ 55 ต้องนำมาปรับปรุง ก่อนนำมาบริโภค แนะแนวทาง 3 C ได้แก่ Clear Clean Chlorine เพื่อให้มีน้ำประปาสะอาดเพียงพอ  สำหรับประชาชน

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้ประกาศให้วันที่ 22 มีนาคมของทุกปีเป็น “วันน้ำโลก” หรือ “World Day for Water” เพื่อกระตุ้นให้ประชากรทั่วโลกเห็นความสำคัญของน้ำ เกิดความตื่นตัวเรื่องการอนุรักษ์น้ำ และการพัฒนาแหล่งน้ำอย่างยั่งยืน

โดยกรมอนามัยได้ส่งเสริมให้มีการจัดการคุณภาพน้ำบริโภคให้ได้มาตรฐาน เพื่อคุ้มครองสุขภาพอนามัยของประชาชน ซึ่งจากการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำประปาหมู่บ้านพบว่า มีคุณภาพเหมาะสมสำหรับบริโภคเพียงร้อยละ 20 ร้อยละ 55 ต้องปรับปรุงก่อนนำมาบริโภค โดยการต้ม หรือเติมคลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อโรค

เนื่องจากพบการปนเปื้อนแบคทีเรีย ส่วนอีกร้อยละ 25 นั้น ไม่สามารถนำมาบริโภคได้ เพราะมีเหล็ก แมงกานีส ฟลูออไรด์ ความกระด้าง และคลอไรด์ เกินเกณฑ์มาตรฐานกรมอนามัย

ดังนั้น จึงได้ให้ความสำคัญกับ การพัฒนาคุณภาพน้ำประปาหมู่บ้าน และได้ขับเคลื่อนแผนแม่บท การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี ด้านที่ 1 การจัดการน้ำอุปโภค บริโภค

ได้จัดทำข้อเสนอต่อคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ให้มีคณะทำงานขับเคลื่อนการพัฒนาระบบประปาหมู่บ้านระดับจังหวัด

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีการแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการดำเนินงานประปาหมู่บ้านขององค์กรปกครอง   ส่วนท้องถิ่นจังหวัดครบทุกจังหวัดแล้ว และจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพ น้ำประปาหมู่บ้าน


โดยยึดแนวทาง 3 C ดังนี้

1) Clear : ระบบประปาหมู่บ้านมีการจัดสภาพแวดล้อมตั้งแต่แหล่งน้ำดิบ ระบบผลิต ระบบการจ่ายน้ำ รวมไปถึงการบริหารจัดการที่เหมาะสม ตามหลักเกณฑ์ และมาตรฐานคุณภาพระบบประปาหมู่บ้าน

2) Clean : ระบบประปาหมู่บ้านสามารถผลิตน้ำประปามีคุณภาพตามเกณฑ์คุณภาพน้ำประปาดื่มได้ กรมอนามัย พ.ศ. 2563

3) Chlorine : น้ำประปาในระบบจ่าย  ต้องมีคลอรีนอิสระคงเหลือตามเกณฑ์มาตรฐาน คือ 0.2-0.5 ppm. เพื่อแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำประปาหมู่บ้านที่ปนเปื้อนแบคทีเรียได้ ทำให้น้ำประปาหมู่บ้านมีคุณภาพ เหมาะสมสำหรับการบริโภค และสามารถลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงน้ำสะอาดของประชาชนได้