ทำไมประเทศไทยต้องบังคับใช้ระบบตัดแต้มผู้ขับขี่

ทำไมประเทศไทยต้องบังคับใช้ระบบตัดแต้มผู้ขับขี่

อุบัติเหตุทางถนนของไทย เป็นปัญหาที่มีความรุนแรงและสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและสังคมมหาศาล แต่ละปีมีผู้เสียชีวิตเกือบ 20,000 ราย (ข้อมูลการบูรณาการข้อมูลผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน (ข้อมูล 3 ฐาน) เป็นมูลค่าเกือบ 5 แสนล้านบาทต่อปี

หรือประมาณร้อยละ 3.5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) (สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (2564) โครงการศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมของอุบัติเหตุทางถนน) สาเหตุกว่าร้อยละ 77.9 ของอุบัติเหตุ มาจากการฝ่าฝืนกฎหมายจราจร (กระทรวงคมนาคม (2565) ข้อมูลอุบัติเหตุทางถนน ปี 2565) เช่น ขับรถเร็วเกินกำหนด เมาแล้วขับ และฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร เป็นต้น 

แม้จะมีกฎหมายจราจรมาควบคุมพฤติกรรมดังกล่าว แต่ในทางปฏิบัติยังมีผู้ที่ไม่เกรงกลัวและไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอยู่จำนวนมาก สะท้อนจากสถิติในปี 2565 ที่มีจำนวนใบสั่งที่มากถึง 17.9 ล้านใบ แต่มีผู้มาชำระค่าปรับเพียงร้อยละ 20 เท่านั้น (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (2565) สถิติใบสั่งจราจรปี 2565)

แสดงให้เห็นว่าการบังคับใช้กฎหมายจราจรยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงพยายามแสวงหามาตรการต่างๆ มาเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายให้ดียิ่งขึ้นหนึ่งในมาตรการที่หลายประเทศนิยมใช้คือ การตัด/บันทึกคะแนนพฤติกรรมการขับขี่ หรือระบบตัดแต้ม (Demerit Points System)

มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการขับขี่ที่ปลอดภัยและลดการกระทำความผิดซ้ำ

โดยระบบดังกล่าวสามารถช่วยยับยั้ง (Deterrence) พฤติกรรมการขับขี่ที่ไม่เหมาะสมได้ เนื่องจากการกระทำความผิดในแต่ละครั้งจะถูกตัดคะแนน และเพิ่มโอกาสในการถูกพักใช้ใบขับขี่ชั่วคราวหรือถึงขั้นเพิกถอนใบขับขี่ถาวรได้หากกระทำผิดซ้ำซาก

 

ทำไมประเทศไทยต้องบังคับใช้ระบบตัดแต้มผู้ขับขี่

ซึ่งถือเป็นการคัดกรองผู้ขับขี่ที่เป็นอันตรายออกจากท้องถนนอีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ดี ผู้กระทำผิดมีโอกาสกลับมาขับขี่ได้อีก

หากผ่านการอบรมด้านพฤติกรรมจราจรในหลักสูตรที่กำหนด เพื่อฟื้นฟูพฤติกรรม (Rehabilitation) ให้กลับมาขับขี่ได้อย่างถูกต้องและปลอดภัยขึ้น

กล่าวคือ ระบบตัดแต้มสามารถช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการขับขี่ที่ปลอดภัยขึ้น อีกทั้งช่วยปรับพฤติกรรมการขับขี่ในทางที่ดีขึ้นและส่งผลต่อจำนวนการเกิดอุบัติเหตุที่ลดลงตามมา

ตัวอย่างเช่น ในอิตาลีพบว่า ภายหลังการใช้ระบบตัดแต้มในช่วง 2 ปีแรก จำนวนการเกิดอุบัติเหตุทางถนนลดลงประมาณร้อยละ 10 จำนวนการเสียชีวิตลดลงประมาณร้อยละ 25 (Paola M. De., Scoppa, V. (2010). The Deterrent Effects of Penalty Point System in Driving Licenses: A Regress. Department of Economics and Statistics, University of Calabria. Working Paper n. 04 – 2010.)

และช่วยเพิ่มอัตราการคาดเข็มขัดนิรภัยของผู้ขับขี่จากร้อยละ 54 เป็นร้อยละ 83 รวมถึงผู้โดยสารด้านหน้าจากร้อยละ 53 เป็นร้อยละ 76 ภายในเวลา 3 เดือน (Zambon, F., Fedeli, U., Milan G., Brocco, S., Marchesan, M., Cinquetti, S., Spolaore, P. (2008). Sustainability of the effects of the demerit points system on seat belt use: A region-wide before-and-after observational study in Italy. Accident Analysis and Prevention, 40, 231 – 237)

ประเทศไทยจึงได้นำแนวคิดระบบตัดแต้มมาใช้เช่นกัน โดยปัจจุบันมี 2 ระบบ คือ (1) ระบบตัดแต้มของกรมการขนส่งทางบกที่คับใช้เฉพาะกับผู้ขับขี่รถสาธารณะและรถขนส่ง (เริ่มใช้ 1 ธ.ค. 64) และ

(2) ระบบตัดแต้มของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่บังคับใช้กับผู้ขับขี่ทุกราย (เริ่มใช้ 9 ม.ค. 66)

อย่างไรก็ตาม มีความท้าทายที่ควรพิจารณาหลายประการ เช่น

(1) ระบบตัดแต้มบังคับใช้ได้กับเฉพาะบุคคลธรรมดาที่มีใบขับขี่เท่านั้น ทำให้ไม่สามารถตัดแต้มกับผู้ขับขี่ที่ไม่มีใบขับขี่ได้ ทั้งที่ประเทศไทยมีผู้ขับขี่กลุ่มดังกล่าวอยู่บนท้องถนนจำนวนมาก (ศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (2560) โครงการสืบสวนอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ในเชิงลึก)

ทำไมประเทศไทยต้องบังคับใช้ระบบตัดแต้มผู้ขับขี่

(2) ความสม่ำเสมอและความเข้มข้นในการบังคับใช้กฎหมายจราจร หากดำเนินการไม่เข้มข้นและไม่ต่อเนื่อง จะส่งผลให้พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงแค่ในระยะเวลาสั้นๆ เฉพาะในช่วงที่มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังเท่านั้น

(3) หลักสูตรการอบรมและทดสอบของประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นการอบรมเชิงการให้ความรู้ทั่วไป ผ่านการดูวิดีโออบรมความรู้ ซึ่งยังขาดส่วนของการปรับพฤติกรรมและทัศนคติของผู้ขับขี่ที่เป็นรูปธรรม

เช่น การมีกิจกรรมเสวนาระหว่างการอบรม หรือมีนักจิตวิทยาร่วมดำเนินการอบรมด้วย อีกทั้ง ระยะเวลาในการอมรมค่อนข้างสั้น เมื่อเทียบกับอีกหลายประเทศ (DRIVER IMPROVEMENT POINT SYSTEM (DIPS) - DIPS RETRAINING”, ComfortDelGro Driving Centre Pte Ltd., accessed April 20, 2023, )

(4) การประชาสัมพันธ์ เนื่องจากการบังคับใช้ระบบตัดแต้มยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น การรับรู้ของประชาชนยังมีไม่มากนัก จึงควรสร้างความรับรู้ ความเข้าใจ และทัศนคตที่ดีต่อระบบตัดแต้มอย่างต่อเนื่อง

ระบบตัดแต้มเป็นมาตรการเสริมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายจราจร ซึ่งหากประเทศไทยสามารถปิดช่องว่างของความท้าทายต่างๆ ได้ จะช่วยยกระดับการบังคับใช้ระบบตัดแต้มให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

อันจะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ของคนไทยให้ปลอดภัยยิ่งขึ้นและลดอุบัติเหตุทางถนนได้ต่อไป

คอลัมน์ วาระทีดีอาร์ไอ

สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)

ดร. สลิลธร ทองมีนสุข
ณภัทร ภัทรพิศาล

จิตรเลขา สุขรวย

และคณะ