'ไว้วางใจ' รัฐบาล คนไทยได้อะไร ?

'ไว้วางใจ' รัฐบาล คนไทยได้อะไร ?

(ชมคลิปข่าวด้านล่าง) จับตาศึกอภิปรายซักฟอก​รัฐบาล​ คนไทยได้อะไรเมื่อสุดท้าย​ลงมติ​ เสียงข้างมากชนะอยู่ดี​  ร่วมพูดคุยกับ​ ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล  อดีต รมว.คลัง

อดีต รมว.คลังจวก “รัฐบาลลุงตู่” นำพาประเทศไปสู่หน้าผาทางเศรษฐกิจ คนไทยกำลังจะวิ่งไปถึงหน้าผา และกำลังจะตกลงไป

​นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และที่ปรึกษาไทยไม่ทน กล่าวในการอภิปราย “ไทยไม่ทน” ออนไลน์ ร่วมกับสภาที่ 3 เปิดโปงการทุจริตประพฤติมิชอบของรัฐบาล ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในสภา ตอนหนึ่งว่า

ในแง่ของวิกฤติโควิด เข้ามาปีครึ่งใกล้ 2 ปีแล้ว องค์กรต่อต้านคอรัปชั่นระบุชัดเจนว่าภายใน 1 ปี 7 เดือน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พบการทุจริตคอรัปชั่นไปแล้ว 15,283 กรณี ค่อนข้างจะแย่ เพราะประเทศกำลังเกิดวิกฤติหนักและประชาชนกำลังเดือดร้อนหนัก แต่ปรากฏว่ามีคนไปหาประโยชน์ส่วนตัวหรือไม่

และขอเตือนประชาชนว่า ขณะนี้กระบวนการในการบริหารโควิด ของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์กำลังจะนำไปสู่หน้าผาทางเศรษฐกิจ ประเทศไทยประชาชนคนไทยกำลังจะวิ่งไปถึงหน้าผา และจะตกลงไป

​ที่ปรึกษาไทยไม่ทนกล่าวถึงกระบวนการในการแก้ไขปัญหาโควิดของ พล.อ.ประยุทธ์ว่า ไม่ทันเกม เพราะรัฐบาลที่มองการณ์ไกลจะต้องดักทางปัญหา ด้วยการจองวัคซีนไว้ก่อน แต่รัฐบาลไทยกลับไม่ทำเช่นนั้น

นอกจากนี้ไม่ได้คำนึงถึงการกลายพันธุ์ พอทำล็อคดาวน์ครั้งแรกออกมาแล้ว กลายเป็นโควิด ZERO รัฐบาลก็ชักชวนให้คนการ์ดตก คือแจกเงินให้คนไปเที่ยวต่างจังหวัด ทำให้ชีวิตเขากลับมาสู่ชีวิตปกติ จนคนเคยชิน กว่าจะรู้ตัวว่ามีการกลายพันธุ์เป็นเดลต้า ก็ซึมลึกกระจายออกไปอย่างเร็วเสียแล้ว ป้องกันไม่ทัน

​แนะวิธีรัฐจัดหา ATK ให้ประชาชนในราคาต่ำ

​ส่วนการจัดหาชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) รัฐบาลควรจะดักทางปัญหาโดยการอุดหนุน ให้คนที่นำเข้าอุปกรณ์ตรวจชิ้นละ 50 บาท และมีเพดานในการจัดซื้อไม่เกิน 1 ล้านชิ้นต่อยี่ห้อ ทำอย่างนั้นให้เขาแข่งกัน ไม่จำเป็นต้องไปแทงม้าตัวเดียว

ถ้ายี่ห้อไหนเป็นที่มั่นใจ ใช้แล้วประชาชนเห็นได้ว่ามีประสิทธิภาพสูง รัฐบาลถึงจะเรียกมาคุย แล้วหาวิธีว่าทำอย่างไรถึงจะเพิ่มการอุดหนุนเพื่อให้ชุมชนได้ใช้งานในราคาที่ต่ำ

​เตือน ชาวบ้าน-นักธุรกิจ ระวัง “ศก.” มีความเสี่ยงขาลง ระลอกที่ 2 เป็นตัว W ชี้ “ล็อคดาวน์” ไร้ผล “บิ๊กตู่” แก้ปัญหาแบบอ่อนด้อย

​ส่วนอัตราการขยายตัวจีดีพีของประเทศไทย จะเห็นว่าติด -12% ต่อปี ในช่วง 63 สิ่งที่มันจะเกิดขึ้นขณะนี้ อยากจะเตือนว่าชาวบ้านร้านตลาดและผู้ที่ทำธุรกิจ มีความเสี่ยงว่า ที่เศรษฐกิจลงไปนั้น จะไม่ใช่ตัว V แต่กำลังจะลงระลอกที่ 2 เป็นตัว W ตัวที่ถ่วงลงไปมีแนวโน้ม ที่อันตรายมาก

ทั้งหมดนี้มันวนเวียนมาจะวิกฤตโควิด ที่ทำให้กิจกรรมของประเทศชะงัก แต่ปัญหาคือกระบวนการในการบริหารโควิด ซึ่งมีปัญหาจากการอ่อนด้อยของ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้ฐานะทางเศรษฐกิจทรุดลงมากกว่าควรจะเป็น เนื่องจากการแทงม้าตัวเดียวในเรื่องของวัคซีน เลยทำให้เวลานี้พลาดท่า ต้องหาวิธีล็อคดาวน์ เพื่อจะแก้ภาพพจน์ ให้ดูว่าแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วก็ต้องล็อคดาวน์แบบเข้ม แต่ล็อคดาวน์แบบไม่มีเครื่อง ATK และไม่มีการทดสอบอย่างกว้างขวาง

​เมื่อล็อคไปแล้วผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจกระเทือนมากไปหมด

ทั้งนี้ ขอแนะนำให้เปลี่ยนเป็นล็อคดาวน์กลุ่มเล็กๆ มากกว่า คือเป็น mini bubbles ตามชุมชน หมู่บ้าน ตามโรงงาน โดยเขาต้องมีเครื่องมือในการตรวจสอบว่า คนไหนติดเชื้อหรือไม่ เพราะเวลานี้ติดกันมากในครอบครัว ชุมชน หมู่บ้าน โรงงาน วิธีนี้ จะสามารถปล่อยที่เหลือให้มีความคล่องตัวในเรื่องการทำเศรษฐกิจ เรียนรู้ที่จะอยู่กับโควิดในระยะยาว

แต่พล.อ.ประยุทธ์ไม่ทำอย่างนั้น จึงกำลังจะเกิดปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างแรง

​ขณะเดียวกันเมื่อเกิดปัญหาขึ้น ก็เปิดโอกาสให้รัฐบาล ใช้เงินเป็นกรณีพิเศษในวิกฤติโควิดถึง 2 ครั้ง ด้วยการออก พรก.วงเงิน 1.5 ล้านล้านบาท โดยอ้างว่าเป็นการกู้เงินตามตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลัง มาตรา 53

แต่ทั้งนี้ พ.ร.ก.ทั้ง 2 ฉบับ กลับไปกำหนดวิธีการใช้จ่ายเงินกู้ โดยมาตรา 7 ในพ.ร.ก.ปี 2563 ระบุไว้ว่า ให้มีคณะกรรมการกลั่นกรองเสนอโครงการต่อคณะรัฐมนตรี ( ครม.) และมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลดำเนินการตามแผนงาน และรายงานความคืบหน้าต่อ ครม.และตามด้วยการวางระเบียบ

สรุปแล้วอนุมัติเอง กำกับดูแลเอง วางระเบียบเอง เพราะฉะนั้นทั้งหมดนี้จึงเป็นการดำเนินการที่หละหลวม

​ตัวอย่างความหละหลวม ปรากฏในเอกสารจากคณะกรรมาธิการ ซึ่งปรากฏว่า มีกรณีงบประมาณของกระทรวงการคลังที่มีปัญหา

ทั้งนี้ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังฯ กำหนดขบวนการทำงานไว้รัดกุมว่า กระทรวงการคลังต้องกำหนดมาตรฐานบัญชีอย่างไร และหน่วยงานของรัฐที่จะขอใช้งบประมาณ จะต้องมีการจัดทำรายงานการเงิน ซึ่งต้องนำส่งให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และ สตง.ต้องตรวจ เมื่อแล้วเสร็จต้องเปิดเผยต่อสาธารณะ

แต่ปรากฏว่า ผู้แทน สตง.ไปชี้แจงว่า ไม่สามารถเปิดเผยงบการเงินของหน่วยราชการทั่วประเทศได้ทั้งหมด เพราะมีปัญหาด้านเทคโนโลยี ก็เลยบอกว่าเปิดเผยเฉพาะกรณีที่มีปัญหาและตรวจแล้ว ซึ่งถ้าหน่วยงานนั้นไม่ส่งให้ตรวจ ก็ไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งตรงนี้ผมได้ทำจดหมายเปิดผนึกให้นายกฯรับทราบแล้วว่า ลักษณะอย่างนี้ท่านต้องจะต้องจัดอุปกรณ์ให้สำนักงาน สตง.เปิดเผยได้ทั้งหมด

นอกจากนี้ ปรากฏว่ามีปัญหาเรื่องบัญชีกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อรากฐานของสังคม แทนที่จะให้ขึ้นกับกระทรวงมหาดไทย กลับไปขึ้นอยู่กับกระทรวงการคลัง ปรากฏว่า สตง.ชี้แจงกรรมาธิการว่า สตง.ไม่สามารถ รับรองงบฯ หน่วยงานนี้ได้ เพราะไม่สามารถหาข้อมูลประกอบการสอบบัญชีที่เหมาะสมได้เพียงพอที่จะแสดงความเห็น และกองทุนนี้ก็ไม่ปรับปรุงรายการบัญชีตามมาตรฐานที่กระทรวงการคลังกำหนด

ผมเลยตั้งข้อสังเกตว่า นายกฯ และ รมว.คลังอนุมัติให้ หน่วยงานนี้ไปยื่นของบฯปีหน้า กับสภาได้อย่างไร เพราะผิดกฎหมาย ซึ่งวาระนี้ผ่านสภาไปแล้วด้วย

​เผย “สตง.” สอบ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” พบ นำชื่อ “คนตาย” มาเบิกจ่าย ​

สุดท้ายที่กรรมาธิการ ผู้แทนสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินรายงานเกี่ยวกับผู้ถือบัตรกองทุนประชารัฐสวัสดิการ ซึ่งสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินบอกว่า จากการตรวจสอบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 100 คนปรากฏว่า 22 คนเสียชีวิตแล้ว แต่รายการทางการเงินกลับมีการเคลื่อนไหว

อย่างนี้ น่าสงสัยว่าเป็นการยืมชื่อคนตายมาใช้ หรือไม่ และนี่แค่ทดสอบสุ่มตรวจ 100 คน เจอ 22 คน

ทั้งหมดนี้ ผมเลยคิดว่ากรณีของโควิดเลยกลายเป็นว่าเปิดช่อง ให้มีการใช้จ่ายเงินมากมายเป็นกรณีพิเศษ ขณะเดียวกันก็ไปออกพระราชกำหนด ให้อำนาจตัวเองมีเครื่องมือใช้อะไรได้ตามชอบ เปิดช่องให้มีการทุจริตในหลายอย่าง

​แนะยกเลิกสินบนนำจับทุกกรณี หลัง คดี “ผู้กำกับโจ้”

​ส่วนกรณี “ผู้กำกับโจ้” พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี มีอำนาจดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จึงต้องสนใจเป็นพิเศษ

กรณีนี้กรมศุลกากรพบว่าบุคคลนี้เป็นเจ้าของสำนวนจับกุมนำส่งรถ 368 คัน ถ้าเป็นกรณีบุคคลหนึ่งที่ไปชี้นำแล้วสามารถจะสืบสาว จับรถที่ลักลอบนำเข้าได้ถึง 368 คัน มันเกินเหตุและไม่น่าเป็นปกติ ซึ่งคนที่อยู่ในกระทรวงการคลัง ในกรมศุลกากรควรจะตั้งข้อสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น และต้องมีการตรวจสอบ และตนอยากให้มีการยกเลิกจ่ายสินบนนำจับในทุกกรณี อาจยกเว้นกรณีเดียวคือยาเสพติด

วันที่ 29 สิงหาคม 2564
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
Facebook Thirachai Phuvanatnaranubala
(เครดิตภาพตามแหล่งที่แสดงชื่อ)
หมายเหตุ: การกล่าวถึงชื่อบุคคลใดมิใช่เป็นการกล่าวหากระทำความผิด แต่เป็นเพื่อประกอบการบรรยายทางวิชาการเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการในการรักษาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ