เอกชนโรงแรมใต้ชี้สูตร 7+7 ส่งต่อความหวัง กระจายทัวริสต์จาก 'ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์' สู่กระบี่-พังงา

เอกชนโรงแรมใต้ชี้สูตร 7+7 ส่งต่อความหวัง กระจายทัวริสต์จาก 'ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์' สู่กระบี่-พังงา

เอกชนโรงแรมใต้ชี้ตลาดไทยเที่ยวภูเก็ตเป็นศูนย์ หลังรัฐบาลยกระดับล็อกดาวน์พื้นที่สีแดงเข้ม เหลือแค่ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้า “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” เผยดีใจหลัง “ศบศ.” เห็นชอบสูตร 7+7 หนุนเที่ยวข้ามเกาะ ส่งต่อความหวังแก่กระบี่-พังงา

ด้าน “สมุย พลัส โมเดล” ยังเงียบเหงา นักท่องเที่ยวเข้ามาน้อย เอเย่นต์ทัวร์ยังไม่พร้อมทำตลาด รอปรับรูปแบบให้ทัวริสต์เที่ยวแบบไม่กักตัวเหมือนภูเก็ต ถึงจะเริ่มขาย

นายก้องศักดิ์ คู่พงศกร นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ กล่าวว่า ภาพรวมสถานการณ์ท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ต ขณะนี้พบว่าตลาดคนไทยเที่ยวภูเก็ตเป็นศูนย์ หลังรัฐบาลประกาศล็อกดาวน์และระงับเที่ยวบินเข้าออก 13 จังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) การแพร่ระบาดในประเทศหนักหนาจนทำให้คนไม่กล้าเดินทาง ประกอบกับภูเก็ตเริ่มยกระดับมาตรการคัดกรองคนจากนอกจังหวัดก่อนเข้าพื้นที่ตั้งแต่กลางเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมาเพื่อควบคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อในภูเก็ตให้ได้ จึงเหลือเพียงนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่เดินทางเข้าโครงการ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ซึ่งตลอดเดือน ก.ค.นี้จะมีจำนวนกว่า 1.7 หมื่นคน โดยปัจจุบันโรงแรมในภูเก็ตเปิดให้บริการห้องพักประมาณ 3 หมื่นห้อง พบว่ามีนักท่องเที่ยวเข้าพักโรงแรม 2-3 ดาวด้วย ไม่เฉพาะโรงแรม 4-5 ดาวเท่านั้น และเกิดการกระจายตัวเข้าพักดี ไปพักโรงแรมแถบหาดป่าตองมากที่สุด 38%, แถบหาดกะรน 12.63%, แถบหาดไม้ขาว 7.56%, แถบหาดราไวย์ 6, แถบ ต.เชิงทะเล 4.73% และอื่นๆ

จากการที่ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) เพิ่งมีมติเห็นชอบสูตรการท่องเที่ยวแบบ 7+7 เชื่อมโยงนักท่องเที่ยวให้เดินทางข้ามเกาะ (Island Hopping) หลังเดินทางเข้าร่วมโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์และพำนักครบ 7 คืนแรก จึงจะสามารถเดินทางสู่อีก 3 พื้นที่นำร่อง ได้แก่ เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี, เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เล จ.กระบี่ และเขาหลัก เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ จ.พังงา ซึ่งมีนักท่องเที่ยวไทยเป็นศูนย์จากที่เคยพึ่งพาตลาดในประเทศ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวจึงฝากความหวังไว้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเชื่อมโยงจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์

ทางผู้ประกอบการท่องเที่ยวภูเก็ตเองก็ดีใจที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผลักดันสูตรการท่องเที่ยว 7+7 จนผ่านการเห็นชอบจาก ศบศ. เนื่องจากการท่องเที่ยวในฝั่งทะเลอันดามันจะเชื่อมโยงกัน 3 จังหวัด หากเริ่มได้ตามไทม์ไลน์วันที่ 1 ส.ค.นี้ ก็จะเป็นการทดสอบว่าเมื่อปล่อยให้มีการเที่ยวในภูเก็ต กระบี่ และพังงาแล้ว จะเกิดผลตอบรับหรือผลกระทบอะไรบ้าง และต้องหาวิธีแก้ไขอย่างไร เพื่อเป้าหมายหลักมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามามากขึ้นในเดือน ต.ค.นี้ซึ่งเข้าสู่ไฮซีซั่น โดยเฉพาะจากยุโรป

“ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ตอนนี้ อาจจะกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ได้มากเท่าไร เพราะในช่วงแรกน่าจะเฉลี่ยที่เดือนละ 1-2 หมื่นคน ต่างจากก่อนเจอวิกฤติโควิด-19 ที่ภูเก็ตเคยมีนักท่องเที่ยวเฉลี่ยเดือนละ 1 ล้านคน โดยมองว่าหากประเทศไทยสามารถคุมการระบาดได้ดี จะทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางมากขึ้นในช่วงปลายปีนี้ เกิดการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว 20-30%”

ด้านสูตรการท่องเที่ยว 7+7 สมาคมฯมองว่ายังต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องกระบวนการส่งต่อนักท่องเที่ยวข้ามจังหวัด ด้วยการออกแบบฟอร์มส่งต่อนักท่องเที่ยวหลังอยู่ภูเก็ตไม่น้อยกว่า 7 คืน ไปยังกระบี่ พังงา รวมถึงสุราษฎร์ธานี

นายเรืองนาม ใจกว้าง นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ฝั่งตะวันออก กล่าวว่า หลังเปิดโครงการ สมุย พลัส โมเดล เมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา พบว่ายังมีนักท่องเที่ยวมาไม่มากนัก เนื่องจากมีการเปิดเร็วขึ้นกว่าไทม์ไลน์เดิมในเดือน ต.ค.นี้ จึงไม่ได้มีการทำตลาดล่วงหน้า ประกอบกับสูตรการท่องเที่ยวของโครงการฯแบบ 3+4+7 นักท่องเที่ยวต้องพักโรงแรมที่เป็นสถานที่กักกันทางเลือก (Alternative Local Quarantine : ALQ) ใน 7 คืนแรก ทำให้ทางเอเย่นต์ทัวร์ยังไม่ทำการตลาด หากโครงการฯสามารถปรับรูปแบบการท่องเที่ยวเป็นเหมือนภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ซึ่งไม่ต้องกักตัวได้เมื่อไร ค่อยทำตลาดเมื่อนั้น จึงอยู่ระหว่างขอปรับรูปแบบให้มีการผ่อนคลายมากขึ้น และจะขอให้ดึงสายการบินทำการบินระหว่างประเทศตรงเข้าสนามบินสุราษฎร์ธานี เพื่อลดข้อจำกัดของสนามบินสมุยที่เครื่องบินขนาดใหญ่จากต่างประเทศทำการบินลงไม่ได้