January Effect

January Effect

คาด SET Index ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,600 – 1,605 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว จากภาวะ Risk on

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index ปรับตัวขึ้นแรง +15.98 จุด (+1.01%) ปิดที่ระดับ 1,596 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.4 หมื่นล้านบาท ตอบรับข่าวปธน.ทรัมป์เตรียมลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนในวันที่ 15 ม.ค. และจะเริ่มเจรจาเฟสสองต่อเนื่อง ประกอบกับธนาคารกลางจีนผ่อนคลายการเงินโดยลดสัดส่วน RRR ลง 0.5% ส่งผลให้มีแรงซื้อกลุ่ม Market cap นำโดย Energy, Petro และ Cons หนุนให้ดัชนีดีดตัวขึ้นแรง ส่วนนักลงทุนต่างชาติเป็นขายสุทธิเล็กน้อย 26 ล้านบาท แต่ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,661 ล้านบาท และ Net Long TFEX 2,962 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

เรามีมุมมองเป็นบวกคาด SET Index ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,600 – 1,605 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว จากภาวะ Risk on นำโดยกลุ่ม Global play ตอบรับข่าวบวกสหรัฐ-จีนเตรียมลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกวันที่ 15 ม.ค.และจะดำเนินการเจรจาเฟสสองต่อไป นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวระดับสูงเหนือ 61 US/Barrel จากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางหลังสหรัฐจะส่งทหาร 750 นายเข้าประจำการในตะวันออกกลางหลังกลุ่มผู้ประท้วงบุกเข้าสถานฑูตสหรัฐในกรุงแบกแดด อย่างไรก็ตามควรระวังแรงขายจากความกังวล Fund flow ต่างชาติที่ยังคงชะลอตัวซึ่งจะกดดันให้ภาวะตลาดสลับอ่อนตัวลง

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่ม Global Play: PTTEP, TOP, PTTGC, SPRC, IVL ได้อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวระดับสูงเหนือ 61 US/Barrel และข่าวการลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐ-จีนในวันที่ 15 ม.ค.
  • กลุ่มที่คาดว่างบ 4Q19 เติบโต ได้แก่ GPSC, CPF, ERW, SAWAD, MTC, JMT, BCH, CHG

หุ้นแนะนำวันนี้

  • IVL (ปิด 36.25 ซื้อ/เป้า 45) ได้ Sentiment บวกโดยตรงจาก Trade war ระหว่างจีนกับสหรัฐเริ่มคลี่คลาย ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการปีนี้น่าจะกลับมาฟื้นตัว ตามทิศทางทางของราคาและส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่ฟื้นตัวอีกทั้งยังได้แรงหนุนจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะดีลซื้อ Hunstman ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มกำไรให้กับ IVL ตั้งแต่ 1Q20 เป็นต้นไป (ดีล Hunstman จะเพิ่ม EBITDA ให้ IVL ประมาณ 20% ในปีนี้)
  • SGP (ปิด 10.1 ซื้อเก็งกำไร/เป้า Bloomberg Consensus 13 บาท) คาด 4Q19 พลิกมีกำไรเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ไตรมาส หลังจากราคา Gas LPG ในตลาดโลกกลับมาฟื้นตัว โดยล่าสุดราคา LPG เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 578$/ton เพิ่มขึ้นกว่า 60% เมี่อเทียบกับราคา ณ สิ้น 3Q19 ที่ระดับ 355$/ton

บทวิเคราะห์วันนี้

EPG (ปิด 6.3 ปรับเป็นซื้อ/เป้าใหม่ 7.5 เดิม 6.7)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+) ดาวโจนส์พุ่งทำ All time high ต่อเนื่อง ล่าสุดเพิ่มขึ้นอีก 330 จุด ขานรับจีนอัดฉีดสภาพคล่องและ Trade war คลี่คลาย: ดัชนีดาวโจนส์พุ่งแรงกว่า 330 จุด (+1.16%) ปิดที่ระดับ 28,869 จุด ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จาก 1) ตอบรับข่าวจีนและสหรัฐประกาศวันลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกในวันที่ 15 ม.ค.2020 สะท้อนภาพของ Trade war ที่กำลังคลี่คลาย และ 2) ขานรับข่าวจีนอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบด้วยการลดสัดส่วนการกันสำรองของสถาบันการเงิน (RRR) ลง 0.5% เริ่มมีผล 6 ม.ค. 2020 ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบประมาณ 8 แสนล้านหยวน หรือประมาณ 1.14 แสนล้านเหรียญ
  • (+/-) ดัชนี PMI ภาคการผลิตของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก ส่วนใหญ่ออกมาหดตัวเล็กน้อย: วานนี้จีนรายงานตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน ธ.ค. ลดลงเล็กน้อยเป็น 51.5 จาก 51.8 ในเดือนก่อนหน้า เช่นเดียวกับดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหภาพยุโรปลดลงเล็กน้อยเป็น 46.3 จาก 46.9 ในเดือน พ.ย.และปิดท้ายที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐลดลงเล็กน้อยเป็น 52.4 จาก 52.6 จุดในเดือน พ.ย. (ตัวเลขหากต่ำกว่า 50 สะท้อนภาคการผลิตหดตัวแต่หากสูงกว่าแสดงว่ากิจกรรมภาคการผลิตยังแข็งแกร่ง)
  • (+) คาดราคาน้ำมันดิบ WTI จะยังยืนเหนือระดับ 60$/bbl ต่อไป คาดหวังเศรษฐกิจฟื้น และมีความความรุนแรงในตะวันออกกลาง: เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางราคาน้ำมันโดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI จะยังประคองตัวเหนือระดับ 60$/bbl ไปได้อีก จาก 1) Opec Cut กำลังการผลิตเพิ่มจาก 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันเป็น 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวันเริ่มมีผล 1 ม.ค.2020, 2) คาดหวังเศรษฐกิจฟื้นตัวกระตุ้นดีมานด์หลังจาก Trade war จีนสหรัฐเริ่มผ่อนคลาย และ 3) เกิดเหตุการณ์รุนแรงในตะวันออกกลาง ล่าสุดมีข่าวเกิดเหตุโจมตีสถานฑูตสหรัฐในอิรัก ราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวในระดับสูงจะเป็นบวกโดยตรงต่อกลุ่มธุรกิจน้ำมัน PTTEP, PTT กลุ่มโรงกลั่น TOP, SPRC, IRPC และปิโตรฯ PTTGC, IVL รวมถึง SC