อคส.เผย เปิดประมูลข้าวสารมต๊อกรัฐล็อตสุดท้าย 1.5 หมื่นตัน

อคส.เผย เปิดประมูลข้าวสารมต๊อกรัฐล็อตสุดท้าย 1.5 หมื่นตัน

อคส.เผย เตรียมออกประกาศทีโออาร์เปิดประมูลข้าวสารมต๊อกรัฐล็อตสุดท้าย 1.5 หมื่นตัน กลางเดือนพ.ค.นี้ ย้ำข้าวล็อตนี้ เปิดประมูลมาต่อเนื่อง ย้ำก่อนขายสู่ผู้บริโภค ต้องมีการปรับปรุงคุณภาพข้าวก่อน แต่การพิสูจน์ข้าวปลอดภัยสำหรับบริโภคหรือไม่ ไม่ใช่หน้าที่อคส.

นายกฤษณรักษ์ ใจดี นักบริหาร 9 รักษาการในตำแหน่งรองผู้อำนวยการ องค์การคลังสินค้า (อคส.) รักษาการแทนผู้อำนวยการ อคส. เปิดเผยถึงกรณีที่อคส.เตรียมเปิดประมูลข้าวสารหอมมะลิ 15,000 ตัน ในสต๊อกรัฐบาลล็อตสุดท้าย จากโครงการรับจำนำข้าวปี 56/57 ว่า หลังจากที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้นำคณะลงพื้นที่โกดังเก็บข้าวที่จ.สุรินทร์ 2 แห่ง เพื่อพิสูจน์คุณภาพของข้าวไปแล้วนั้น ล่าสุด ขณะนี้ อคส.อยู่ระหว่างการพิจารณาออกหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการเปิดประมูล (ทีโออาร์) คาดว่า จะแล้วเสร็จและออกประกาศเชิญชวนให้ผู้สนใจเข้าร่วมประมูลได้กลางเดือนพ.ค.นี้

 “หลังจากออกประกาศทีโอการ์แล้ว อคส.จะเปิดชี้แจงทีโออาร์ให้กับผู้สนใจเข้าร่วมได้รับทราบ จากนั้นจะเปิดโกดังให้ผู้สนใจไปตรวจสอบคุณภาพข้าว เปิดให้ยื่นซองคุณสมบัติของผู้ที่จะประมูล ตรวจสอบคุณสมบัติและประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติ จากนั้นจะเปิดให้ยื่นซองเสนอราคา และเปิดซองราคา พิจารณาและต่องรองราคา และประกาศรายชื่อผู้ชนะประมูลราวๆ ต้นเดือนมิ.ย.นี้ ส่วนราคาขาย น่าจะขายได้ไม่ต่ำกว่ากิโลกรัม (กก.) ละ 18 บาท หรือได้มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 270 ล้านบาท หลังจากนั้นจะนำเงินส่งคืนคลัง และปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวได้ทั้งหมด”

สำหรับข้าวสารหอมมะลิ100% ชั้น 2 ที่จะนำมาประมูลครั้งนี้ เป็นข้าวจากโครงการรับจำนำปี 56/57 ซึ่งที่ผ่านมา อคส.ได้เปิดประมูลมาอย่างต่อเนื่อง แต่การประมูลล่าสุด เมื่อปี 63 ผู้ชนะประมูลไม่มารับมอบข้าว หรือไม่จ่ายเงินชำระค่าข้าว เพราะประมูลซื้อจากอคส.ในราคาแพง แต่หลังจากนั้น ราคาตลาดลดลงมาก จากการแพร่ระบาดของโควิด ทำให้การส่งออก การขนส่งสินค้าหยุดชะงัก และราคาข้าวลดลง ผู้ซื้อจึงยอมทิ้งข้าว หรือยอมทำผิดสัญญา เป็นเหตุให้อคส.ยึดหลักทรัพย์ค้ำประกัน และฟ้องร้องดำเนินคดีในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม หลังจากการประมูลครั้งสุดท้ายปี 63 อคส.ได้พยายายามเปิดประมูลอีก 2-3 ครั้ง แต่ยังไม่สามารถเปิดประมูลได้ เพราะมีการร้องเรียนเรื่องรายละเอียดของทีโออาร์ จึงได้ยกเลิก และนำมาเปิดประมูลใหม่ แต่ก็เป็นช่วงปรับเปลี่ยนรัฐบาลพอดี ทำให้ต้องชะลอการประมูลออกไปก่อน จนมาถึงครั้งล่าสุดที่จะประมูลในเดือนพ.ค.นี้

 นายกฤษณรักษ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่จะพิสูจน์ว่าข้าวมีความปลอดภัย สามารถบริโภคได้หรือไม่นั้น อคส.มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบคุณภาพข้าวในช่วงก่อนฝากเก็บข้าวในโกดัง และตลอดระยะเวลาการฝากเก็บ แต่ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบความปลอดภัยของข้าว น่าจะเป็นหน้าที่ของผู้ที่จะเข้าร่วมประมูลมากกว่า แต่ก่อนการนำข้าวไปขายสู่ผู้บริโภค โดยทั่วไป ผู้ชนะประมูลต้องปรับปรุงคุณภาพข้าวก่อนอยู่แล้ว เช่น การอบข้าว ขัดสี แยกเมล็ดแตกหักออก เป็นต้น แต่ทราบว่า ผู้ส่งออก สนใจประมูลเพื่อส่งออก เพราะมีหลายประเทศที่นิยมบริโภคข้าวเก่า ข้าวสีเหลือง ไม่นิยมข้าวเมล็ดสีขาว เช่น ประเทศในแถบแอฟริกา ตะวันออกกลาง ฯลฯ