THCOM ฟื้นกำไรหรู 288 ล้านบาทจากปลายปีที่ขาดทุน และยังคิดเป็นการบวก 220% YoY
บมจ. ไทยคม (THCOM) เปิดกำไร Q1/2567 ทำได้ 288 ล้านบาท ขยายตัว 220% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แม้ตัวเลขรายได้จะลดลง ทว่าได้ผลดีจากค่าบาทอ่อนขณะที่รายรับอิงกับสกุลดอลลาร์สหรัฐซึ่งฐานลูกค้าเป็นต่างประเทศส่วนใหญ่ แถมการควบคุมต้นทุนทำได้ดี
บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัทมีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่สำหรับไตรมาส 1/2567 จำนวน 288 ล้านบาท เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 220% จากไตรมาส 1/2566 (YoY) และสามารถพลิกกลับมาเป็นกำไรได้หลังปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 4/2566 (QoQ) ที่มีผลขาดทุนจำนวน 306 ล้านบาท
โดยในไตรมาส 1/2567 เงินบาทได้อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งบริษัทเป็นผู้ส่งออกที่มีฐานลูกค้าต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่และรายได้ของบริษัทส่วนมากอยู่ในสัญญาที่อ้างอิงกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นการอ่อนค่าของเงินบาทส่งผลบวกต่อรายได้รวม และกำไรสุทธิของบริษัท โดยรายได้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้น 33% YoY และ 173% QoQ อยู่ที่ 910 ล้านบาท
รายได้จากการขายและการให้บริการในไตรมาส 1/2567 จำนวน 609 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับรายได้จำนวน 629ล้านบาทในไตรมาส 4/2566 (QoQ) และจำนวน 735 ล้านบาทในไตรมาส 1/2566 (YoY) โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการให้บริการดาวเทียมและบริการที่เกี่ยวเนื่องที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 1/2567 จำนวน 12 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 1/2566 (YoY) จำนวน 131 ล้านบาท ที่บริษัทรับรู้จากโครงการติดตั้งระบบสำหรับเครือข่ายบรอดแบนด์แบบครบวงจร (System Integration) และค่าที่ปรึกษาอื่นๆ อย่างไรก็ตาม บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นหากเปรียบเทียบกับไตรมาส 4/2566 (QoQ) จำนวน 9 ล้านบาท
โดยบริษัทมุ่งมั่นที่จะยกระดับการใช้ประสิทธิภาพจากดาวเทียมดวงใหม่ เพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานในการช่วยสนับสนุนการเติบโตทางธุรกิจ รวมถึงขยายการให้บริการในตลาดที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ เช่น ในประเทศไทย อินเดีย อินโดนีเซียฟิลิปปินส์ และประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมุ่งเน้นในเรื่องของการเซ็นสัญญาให้บริการระยะยาวแก่กลุ่มลูกค้าปัจจุบัน เพื่อรักษาฐานลูกค้าได้อย่างมั่นคงและต่อเนื่อง รวมถึงขยายการให้บริการบรอดแบนด์เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น และเตรียมพร้อมเพื่อรองรับความต้องการการใช้ดาวเทียมดวงใหม่ที่กำลังจะมาถึง สำหรับโครงการสำคัญ เช่น โครงการภาครัฐในประเทศไทยและฟิลิปปินส์ รวมถึงให้บริการในเขตพื้นที่ห่างไกลในประเทศอินเดีย