'คดีบิลลี่' ไม่มีมวยล้ม 25 ต.ค.เคาะหมาย

'คดีบิลลี่' ไม่มีมวยล้ม 25 ต.ค.เคาะหมาย

"เลขาฯ รมว.ยธ." ยันคดีฆาตกรรม "บิลลี่" ไม่มีมวยล้ม รมว.ทส.ไฟเขียวให้ทำคดีตรงไปตรงมา ขณะที่ดีเอสไอเผยผลตรวจถังน้ำมันสอดรับรูปคดี 25 ต.ค. ชัดเจนออกหมายจับผู้ต้องหาหรือไม่

นายธนกฤต จิตรอารีรัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยกรณีมีกระแสข่าวว่ามีผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีฆาตกรรม        นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ”บิลลี่”แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย ได้พยายามวิ่งเต้นผ่านผู้ใหญ่ในรัฐบาลเพื่อล้มคดีดังกล่าวว่า ไม่เป็นความจริงเพราะก่อนหน้านี้ตนเคยหารือกับนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว      โดยนายวราวุธ ได้แจ้งให้ดีเอสไอดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ดังนั้นทำงานของดีเอสไอจึงไม่มีแรงกดดันใดๆทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อกังวลของกลุ่มนักสิทธิมนุษยชนและเอ็นจีโอที่เกรงว่าคดีดังกล่าวอาจจะสะดุดลง หรือกลัวว่าจะไม่มีการออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องในคดีนั้น ไม่ต้องห่วง คดีนี้ไม่มีมวยล้ม และอยากให้ทุกคนนอนหลับฝันดี และเมื่อตื่นมาในแต่ละช่วงเวลาดีเอสไอก็จะมีการรายงายความคืบหน้าของคดีให้รับทราบเป็นระยะ และหากรวบรวมพยานหลักฐานครบสมบูรณ์เพียงพอที่จะขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาแน่นอน

ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงผลการตรวจสอบถังน้ำมันของกลางซึ่งเป็นหลักฐานในฆาตกรรมบิลลี่ว่า ดีเอสไอต้องตรวจสอบเพื่อหาความชัดเจนว่าถังน้ำมันผ่านมาความร้อนในระดับไหน ถูกนำมาทิ้งเป็นระยะเวลานานอย่างไร มีความสัมพันธ์กับชิ้นส่วนกระดูกที่พบหรือไม่ ซึ่งกองพิสูจน์หลักฐาน สถาบันนิติเวช ระบุว่า ถังน้ำมันถูกเผาด้วยความร้อนสูง แต่รายละเอียดยังบอกไม่ได้ทั้งหมด ยืนยันได้ว่าสอดรับกับรูปคดีของดีเอสไอมากและสามารถนำมาเป็นพยานหลักฐานในคดีได้ ในช่วงที่ผ่านมาดีเอสไอพยายามเน้นหลักฐานทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ทั้งหมด และหากทราบผลทั้งหมดแล้วจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง ส่วนที่ต้องนำถังน้ำมันของกลางได้นำเก็บรักษาไว้ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญ ความรู้และเครื่องมือที่สามารถตรวจสอบได้ และมีขั้นตอนการตรวจสอบจะหาความเชื่อมโยงทั้งหมดว่ามีการนำถังมาจากแหล่งใดบ้าง ต้องไล่หมดในทุกประเด็นทุกเรื่องเพื่อจะได้ตอบคำถามได้ ตามกระบวนการในการพิสูจน์เมื่อพบพยานหลักฐาน ทั้งพยานแวดล้อม พยานบุคคล รวมทั้งพยานหลักฐานที่สำคัญก็คือ นิติวิทยาศาสตร์เพื่อนำไปดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด

“ดีเอสไอต้องหาหลักฐานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยในวันที่ 25 ต.ค.นี้ในเวลา 9.00 น.จะมีการเรียกประชุมพนักงานสอบสวนทุกชุดที่ลงพื้นที่ไปทำคดีอีกครั้ง ส่วนจะมีการออกหมายจับ หมายเรียก หรือหมายค้นหรือไม่นั้นต้องรอฟังว่าพยานหลักฐานที่รวบรวมได้มีมากขนาดไหน รวมทั้งต้องรอผลตรวจกระดูกส่วนที่เหลือจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ด้วยเช่นกัน เชื่อว่าผลตรวจกระดูกน่าจะออกทันภายในวันที่ 25 ตค. ซึ่งคาดว่าทางนิติวิทยาศาสตร์จะดำเนินการทั้งหมดให้ครบวงรอบ”รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าว