รัฐบาลตั้งงบปี 2563 กว่า 1.7 หมื่นล้าน ขับเคลื่อนอีอีซี “กอบศักดิ์”เผยตอบโจทย์การพัฒนาแผนชาติ พัฒนาเชิงพื้นที่ วางตัวชี้วัดทั้งการเพิ่มขึ้นของนักลงทุน การขยายตัวเศรษฐกิจ รายได้ประชากรเพิ่มสิ่งแวดล้อมได้รับการดูแล กรมทางหลวงรับมากที่สุด 9 พันล้านบาท
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการจัดทำงบประมาณแบบบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อตอบสนองต่อนโยบาย ภารกิจและความเร่งด่วนที่มีความสำคัญ รวมทั้งเพื่อผลักดันนโยบายของรัฐบาลและการตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน โดยการจัดสรรงบประมาณจะต้องตอบโจทย์การพัฒนาเชิงพื้นที่ด้วย
สำหรับการบูรณาการงบประมาณในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่มีการจัดสรรงบประมาณในปี 2563 วงเงินประมาณ 17,000 หมื่นล้านบาท ได้ให้ความสำคัญกับโครงการด้านการคมนาคมขนส่ง ซึ่งจะต้องมีการลงทุนปรับปรุงเส้นทางคมนาคมด้านต่างๆ
ทั้งนี้ จะมีโครงการขนาดใหญ่ที่เริ่มดำเนินการภายในปีนี้ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน (สุวรรณภูมิ–ดอนเมือง-อู่ตะเภา) และโครงการอื่นที่วางแผนให้สอดคล้องกับการขยายตัวของเมือง รวมทั้งการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายตามแผนที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) วางโรดแมปไว้
ขณะเดียวกันก็คำนึงถึงการพัฒนาพื้นที่ที่สอดคล้องกับความต้องการของคนในชุมชน เช่น การจัดการแหล่งน้ำ และสภาพแวดล้อมให้พัฒนาไปควบคู่กันทั้งอุตสาหกรรมและระบบนิเวศน์ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เชื่อมยุทธศาสตร์ชาติ20ปี
นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า การบูรณาการโครงการตามงบประมาณจำเป็นต้องนำแผนทั้งระดับชาติและพื้นที่มาประยุกต์เข้าด้วยกัน โดยนอกจากแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี ยังมีแผนลักษณะการบูรณาการที่มาจากทิศทางการพัฒนาภาคของประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการวางแผนการพัฒนาโดยคำนึงถึงศักยภาพของแต่ละภาค
รวมทั้งในภาคตะวันออกที่เป็นที่ตั้งของโครงการอีอีซี มีการกำหนดไว้ในการแผนการพัฒนาระดับภาคว่าจะต้องพัฒนาพื้นที่ให้ “เป็นฐานเศรษฐกิจชั้นนำของของอาเซียนโดยรักษา ฐานเศรษฐกิจเดิมที่มีอยู่ให้ เติบโตอย่างยั่งยืน และสร้าง ฐานเศรษฐกิจใหม่เพื่อเพิ่มขีด ความสามารถในการแข่งขัน ให้ประเทศเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ"
โดยมีทิศทางในการพัฒนาให้เป็นฐานเศรษฐกิจชั้นนำของประเทศ เป็นเขตพัฒนาพิเศษที่ทันสมัยที่สุดในอาเซียน เป็นแหล่งผลิตอาหารที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับมาตรฐานระดับโลก ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องแก้ปัญหามลพิษและลดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้มีการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการพิจารณาการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อให้การบริหารงบประมาณภายใต้แผนบูรณาการ 24 แผนงาน แต่ละกระทรวงมาใช้ร่วมกันเพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อน
“สมคิด”คุมงบประมาณอีอีซี
รวมทั้งได้มีการมอบหมายภารกิจหน้าที่ในการบูรณาการแผนงานใช้งบประมาณในด้านต่างๆ ให้รองนายกรัฐมนตรีแต่ละคนไปกำกับดูแล โดยในพื้นที่อีอีซี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแล เช่นเดียวกับเรื่องเศรษฐกิจที่มีความเกี่ยวข้อง ได้แก่ การวิจัยและนวัตกรรม การพัฒนาอุตสาหกรรมศักยภาพ การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ การขับเคลื่อนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก การพัฒนาผู้ประกอบการเศรษฐกิจชุมชน และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
“การบูรณาการงบประมาณ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบาย และการพัฒนาเชิงพื้นที่ ซึ่งต้องดูทั้งโครงการที่เป็นนโยบายของส่วนกลาง กับความต้องการของประชาชนในพื้นที่เพื่อให้เกิดการพัฒนาไปในทิศทางที่สอดคล้องกัน”
สำหรับตัวชี้วัดความสำเร็จในการบูรณาการพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออก ได้แก่ สัดส่วนคนจนภาคตะวันออกลดลง การกระจายรายได้ มูลค่าการลงทุนภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ เศรษฐกิจพิเศษชายแดน จำนวนเมืองศูนย์กลางของจังหวัดที่ได้รับการ พัฒนาเป็นเมืองน่าอยู่ จำนวนเมืองศูนย์กลางของจังหวัดที่ได้รับการพัฒนาเป็นเมืองน่าอยู่
สกพอ.ได้รับงบเพิ่มเท่าตัว
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลระบุว่า แผนงานบูรณาการอีอีซีปี 2563 มีวงเงินรวมทุกหน่วยงาน 17,000 ล้านบาท กระจายไปในหน่วนงานต่างๆ โดยกรมทางหลวงได้รับการจัดสรรมากที่สุด 9,926 ล้านบาท รองลงมาเป็นกรมทางหลวงชนบท 1,184 ล้านบาท สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) 1,251 ล้านบาท กองทัพเรือ 799 ล้านบาท สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) 752 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ได้รับงบ 347 ล้านบาท
ส่วนที่เหลือกระจายไปในหน่วยงานต่างๆ เช่น สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) กรมวิทยาศาสตร์บริการ
สำหรับการจัดสรรงบประมาณครั้งนี้ได้เพิ่มงบตามแผนบูรณาการอีอีซีให้กับหลายหน่วยงานเป็นครั้งแรก เพื่อให้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนอีอีซี ซึ่งจะมีการขับเคลื่อนการพัฒนาในหลายมิติเพิ่มมากขึ้น โดยหน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณอีอีซีครั้งแรก เช่น กรมการจัดหางาน
3 มหาวิทยาลัยรับงบครั้งแรก
รวมทั้งการจัดงบประมาณให้สถาบันอุดมศึกษาที่ตั้งในอีอีซี 3 แห่ง เริ่มได้รับงบประมาณตามแผนบูรณาการอีอีซีเป็นครั้งแรกด้วย เพื่อให้มหาวิทยาลัยมีส่วนร่วมในการพัฒนาอีอีซี โดยมหาวิทยาบูรพาได้รับงบประมาณรวม 1,801 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นงบประมาณอีอีซี 46.3 ล้านบาท มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลภาคตะวันออก ได้รับงบประมาณรวม 629 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นงบประมาณอีอีซี 68.5 ล้านบาท และมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ ได้รับงบประมาณรวม 451 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นงบประมาณอีอีซี 21 ล้านบาท
ในขณะที่มหาวิทยาลัยที่มีวิทยาเขตตั้งอยู่ในอีอีซีได้รับงบตามแผนบูรณาการอีอีซีด้วย เช่น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 50 ล้านบาท
ส่วนงบประมาณกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 1 ที่ครอบคลุมอีอีซีได้รับงบประมาณรวม 539 ล้านบาท โดยจังหวัดชลบุรีได้รับมากที่สุด 432 ล้านบาท รองลงนามเป็นจังหวัดระยอง 344.9 ล้านบาท และจังหวัดฉะเชิงเทรา 259.9 ล้านบาท
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-เปิดแผน 'อีอีซี' รับเมืองโต
-ทุนสหรัฐลุยหนุนอีอีซี
-เปิดผังการจัดเมืองอีอีซี
-รัฐบาลลุย 'อีอีซี' เต็มสูบ ชูฮับเศรษฐกิจเอเชีย