เวลาอันตราย เวลาไหน? ที่ไม่ควรอาบน้ำ เสี่ยงเสียสุขภาพ

“การอาบน้ำ” เป็นกิจวัตรประจำวันของทุกคน ซึ่งการอาบน้ำไม่ใช่เพียงการชำระร่างกาย แต่มีความหมายมากกว่านั้น เพราะการอาบน้ำที่ไม่ถูกวิธี ไม่ถูกต้องเหมาะสมมีผลให้คนเสียชีวิตได้เช่นกัน

วิธีการส่งเสริมสุขภาพประจำวัน สามารถทำได้โดยการอาบน้ำ และ การอาบน้ำถูกวิธี จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและระบบเมตาบอลิซึม ขจัดสิ่งสกปรกและสารอื่นๆ ที่ทำให้ร่างกายอ่อนล้า และช่วยส่งเสริมคุณภาพของการนอนหลับพักผ่อนให้สนิทและดียิ่งขึ้น แต่หากเราปฏิบัติตนไม่ถูกต้อง จะนำมาซึ่งอันตรายต่อร่างกาย

แล้วอาบน้ำแบบไหนถึงเรียกได้ว่า อาบน้ำเพื่อส่งเสริมสุขภาพ “กรุงเทพธุรกิจ” ได้รวบรวมและจะมาแนะนำเคล็ดลับ เทคนิควิธีง่ายๆ เพื่อการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ด้วยการอาบน้ำ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

สิ่งที่ไม่ควรพลาด ทำทุกวันตอนเย็น สร้าง 'Longevity' อายุจะยืนยาว

'คนไทย 1 ใน 56' เป็นพาหะโรค 'กล้ามเนื้ออ่อนแรงเอสเอ็มเอ'

เวลาไหนที่ไม่ควร อาบน้ำ ส่งผลเสียต่อสุขภาพ

1.คนที่มีความดันต่ำอาบน้ำ ต้องระวังการอาบน้ำอุ่นๆคนเดียวให้มากๆ เพราะคุณมีสิทธิที่จะล้มในห้องน้ำสูงมาก เพราะโดยปกติแล้ว เวลาอาบน้ำอุ่น อุณหภูมิของน้ำจะสูงกว่าอุณหภูมิของร่างกาย อุณหภูมิที่สูงจะไปทำให้หลอดเลือดขยายตัว ดังนั้น คนที่มีความดันต่ำจะมีอาการเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายไม่เพียงพอ และเป็นเหตุผลให้เป็นลมหมดสติได้นั่นเอง

2.ผู้หญิงที่สุขภาพไม่แข็งแรงอาบน้ำ ผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอกว่าเพศชายอยู่แล้ว ยิ่งถ้าคุณอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่สบาย ภูมิต้านทานร่างกายก็จะยิ่งต่ำลงไปอีก ดังนั้น ผู้หญิงที่มีสุขภาพไม่ดีจึงไม่ควรอาบน้ำเย็น เพราะน้ำเย็นจะไปกระตุ้นทำให้คุณเป็นหวัดเอาได้ง่ายๆ

3.อาบน้ำหลังดื่มสุรา  ผิดมากๆสำหรับผู้ที่ดื่มเหล้าจนเมาหน้าแดง แล้วคิดว่าการอาบน้ำจะช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายได้ดี เพราะหลังดื่มเหล้า แอลกอฮอล์จะไปยับยั้งการทำงานของตับ ทำให้การปล่อยกลูโคสออกมาสู่กระแสเลือดน้อยลง แต่ช่วงเวลาอาบน้ำร่างกายจะต้องการกลูโคสมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นการอาบน้ำหลังกินเหล้า จึงทำให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดไม่เพียงพอดังนั้น การกระทำดังกล่าวนี้จึงทำให้เกิดอาการเวียนหัว หน้ามืด ตาลาย ร่างกายไร้เรี่ยวแรง และเสี่ยงต่อการล้มในห้องน้ำได้

4.อาบน้ำหลังออกกำลังอย่างเต็มที่ ช่วงเวลานี้ร่างกายหรือสมองจะทำงานอย่างหนัก ดังนั้น ร่างกายจึงต้องการการพักผ่อนสักระยะก่อนการอาบน้ำ ถ้าฝืนไปอาจเป็นเหตุให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจและสมองไม่เพียงพอในช่วงเวลาอาบน้ำได้ และทำให้เป็นลมหมดสติได้เลย

5.อาบน้ำเมื่อมีไข้สูง คนป่วยไม่ควรอาบน้ำ เนื่องจากช่วงเวลาที่คุณป่วยอุณหภูมิร่างกายจะสูงถึง 38-40 ℃ และทำให้ปริมาณการเผาผลาญความร้อนในร่างกายเพิ่มขึ้น 20% ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ร่างกายอ่อนแอมากที่สุด ถ้าอาบน้ำไปอาจเกิดอันตรายต่อร่างกายจนต้องล้มหมอนนอนเสื่อได้

6.อาบน้ำหลังรับประทานอาหาร เมื่อกินอาหารเสร็จใหม่ๆไม่ควรอาบน้ำทันที เพราะหลังทานอาหารเลือดจะไหลไปเลี้ยงที่ระบบย่อยอาหารเป็นส่วนใหญ่ ถ้าไปอาบน้ำเวลานี้ ก็จะต้องมีเลือดบางส่วนแบ่งไปเลี้ยงที่อวัยวะส่วนอื่นๆด้วย ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่เต็มที่ อาหารไม่ย่อย และป่วยตามมาได้

วิธีการอาบน้ำ ที่เหมาะสมกับร่างกาย

การอาบน้ำที่เหมาะสมกับร่างกายของแต่ละคนอาจมีวิธีที่แตกต่างกันไปโดยปกติการอาบน้ำจะมี 2 วิธีหลักในการอาบน้ำ

การอาบน้ำด้วยฝักบัว : จะสามารถทำความสะอาดได้อย่างทั่วร่างกาย และฝักบัวยังสามารถปรับแรงดันน้ำ และรูปแบบการไหลของน้ำได้อย่างหลากหลาย การใช้ฝักบัวในการอาบน้ำจะดีต่อระบบไหลเวียนเลือดในร่างกาย ช่วยผ่อนคลายจากความเมื่อยล้า คลายเครียด และช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยได้เป็นอย่างดี

การอาบน้ำด้วยอ่างอาบน้ำ : การแช่น้ำในอ่างน้ำจะช่วยลดอาการเจ็บปวด อาการอักเสบในร่างกาย บรรเทาความเครียด ก่อนการแช่อางอาบน้ำ ควรล้างตัวเพื่อขจัดฝุ่นหรือสิ่งสกปรกตามร่างกายให้สะอาดและค่อยลงแช่น้ำ เพราะการแช่น้ำอุ่นจะช่วยกระตุ้นให้เลือดในหลอดเลือดไหลเวียนได้ง่ายยิ่งขึ้น ส่งผลให้โลหิตไหลเวียนได้ทั่วร่างกายอีกด้วย

 

ความสำคัญของอุณหภูมิ ในการอาบน้ำ

อุณหภูมิมีความสำคัญอย่างมากในการอาบน้ำ โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการอาบน้ำจะอยู่ที่ประมาณ 27-37 องศาเซลเซียส เมื่อเราอาบน้ำในอุณหภูมิระดับนี้ จะมีผลต่อความสบายของร่างกายและผิวหนัง และไม่ควรอาบหรือแช่น้ำร้อนเกิน 15 นาที เพราะทำให้ร่างกายได้รับความร้อนมากเกินไปจนหน้ามืด และทำให้ผิวแห้งได้ ดังนั้นควรใส่ใจในการปรับอุณหภูมิน้ำให้เหมาะสมตามสภาพผิวและความต้องการ

 

อาบน้ำอย่างไร? ให้ดีต่อผิวพรรณ 

1. การเตรียมความพร้อมก่อนการอาบน้ำ

การเตรียมพร้อมร่างกาย ก่อนการอาบน้ำเป็นขั้นตอนที่สำคัญ เพราะร่างกายอาจเสียสมดุลในการปรับอุณหภูมิ โดยไม่ควรอาบน้ำหลังออกกำลังกายเสร็จทันที ซึ่งเราควรใช้เวลาประมาณ 5-10 นาทีเพื่อปรับอุณหภูมิร่างกายก่อนการอาบน้ำ

2. อุณหภูมิของน้ำ

หลีกเลี่ยงการใช้น้ำร้อนมากเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวแห้งและทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น ควรใช้น้ำอุ่นหรือน้ำอุณหภูมิห้อง เพื่อเพิ่มความสบาย และทำให้ชุ่มชื้นของผิวไม่แห้งคัน

3. ระยะเวลาในการอาบน้ำ

การอาบน้ำไม่ควรใช้เวลานานหรืออาบน้ำดึกเกินไป เพราะอาจทำให้ทำให้ร่างกายเสียสมดุลในการปรับอุณหภูมิ ทำให้เกิดผิวแห้งและทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น

4. การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว

การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่เหมาะสมสำหรับประเภทผิว และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีหรือสารที่อาจก่อให้เกิดความแห้งหรือระคายเคืองผิว ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนและไม่ทำลายความชุ่มชื้นของผิว 

5. การบำรุงผิวหลังจากการอาบน้ำ

หลังจากการอาบน้ำเสร็จแล้ว ควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสมเพื่อบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นและแข็งแรงมากยิ่งขึ้น และยิ่งการใช้ครีมหรือโลชั่นที่มีส่วนผสมของน้ำมัน จะช่วยบำรุงผิวและช่วยปรับสภาพผิว เพื่อคืนความชุ่มชื้นและความอ่อนโยนให้กับผิวให้ดียิ่งขึ้น

6. อุปกรณ์ที่ใช้ในการอาบน้ำ

อุปกรณ์อาบน้ำที่สะอาดเป็นสิ่งสำคัญต่อผิว เพราะถ้าอุปกรณ์ที่เราใช้ไม่สะอาดอย่างผ้าเช็ดตัวที่มาเช็คตามร่างกาย มีสิ่งสกปรกหรือเชื้อโรค มีกลิ่นเหม็นหรืออับชื้น สิ่งเหล่านี้อาจเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดปัญหาผิวขึ้นได้

7. การดื่มน้ำ

การดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้นและสดชื่น การดื่มน้ำเป็นสิ่งสำคัญในการบำรุงผิวให้มีสุขภาพดีควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1.5 - 2 ลิตร เป็นประจำทุกวัน

8. การดูแลความสะอาดรอบๆ บริเวณห้องอาบน้ำ

การดูแลความสะอาดบริเวณห้องอาบน้ำ เป็นสิ่งที่ควรทำอยู่อย่างสม่ำเสมอ เพราะอาจมีสิ่งสกปรกหรือเชื้อโรค หรือคราบน้ำที่เกิดขึ้นบนผนังและพื้น ที่ทำให้เกิดเชื้อรา รวมถึงแบคทีเรียสะสมในห้องน้ำขึ้นมาได้

 

อย่างไรก็ตาม การอาบน้ำเป็นสิ่งที่สำคัญในการดูแลสุขภาพผิวและการผ่อนคลายของร่างกาย ดังนั้นการอาบน้ำให้ถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญต่อผิว และการเลือกใช้ครีมบำรุงที่อ่อนโยนต่อผิวจะทำให้ผิวชุ่มชื่น และมีสุขภาพดีได้อีกด้วย

 

อ้างอิง: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) , eucerin