เชื้อจุลินทรีย์ 'หงส์ไทย สูตร2' เสี่ยงติดเชื้อรา ส่งผลระบบทางเดินหายใจ

เชื้อจุลินทรีย์ 'หงส์ไทย สูตร2' เสี่ยงติดเชื้อรา ส่งผลระบบทางเดินหายใจ

นักวิชาการ เผย 'ยาดมหงส์ไทย สูตร 2' ปนเปื้อนจุลินทรีย์ แม้ไม่ได้เป็นเชื้อที่รุนแรง แต่กลุ่มภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ หรือผู้ที่มีปัญหาปอด ส่งผลกระทบต่อร่างกาย ติดเชื้อราในปอด -อาการระคายเคืองระบบทางเดินหายใจได้

ตามที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชน หลังตรวจพบผลิตภัณฑ์ “ยาดมผสมสมุนไพร ตราหงส์ไทย สูตร 2” (เลขทะเบียน G 309/62) เป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ “ผิดมาตรฐาน” จากการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ ได้แก่ Total Aerobic Microbial Count, Total Combined Yeasts and Mould Count และ Clostridium spp. ซึ่งเกินค่ามาตรฐานตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2564

ดังนั้น เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค จึงเห็นควรประกาศผลการตรวจสอบผลิตภัณฑ์สมุนไพรให้ประชาชนทราบ และระมัดระวังในการซื้อหรือบริโภคผลิตภัณฑ์สมุนไพรดังกล่าว ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหาร และยาอยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดต่อไป

ทั้งนี้ เชื้อจุลินทรีย์ ทั้ง 3 ชนิด แม้จะไม่ได้เป็นเชื้อที่รุนแรง แต่ในกลุ่มที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ หรือผู้ที่มีปัญหาปอด ย่อมส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างแน่นอน

เชื้อจุลินทรีย์ 'หงส์ไทย สูตร2' เสี่ยงติดเชื้อรา ส่งผลระบบทางเดินหายใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

อย. แจ้ง 'ยาดมหงส์ไทย สูตร 2' พบเชื้อจุลินทรีย์ปนเปื้อนหลายชนิด

ภัยเงียบ 'วัยทำงาน'เสี่ยง 'โรคกระดูก และข้อ' วิมุต เปิดศูนย์ดูแลแบบองค์รวม

กลุ่มภูมิคุ้มกันต่ำ เสี่ยงติดเชื้อปนเปื้อนจุลินทรีย์

ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรม และเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)  เปิดเผยผ่านเพจ Anan Jongkaewwattana  ว่าเห็นข่าวนี้แชร์กันออกมาทำให้นึกถึง paper ตีพิมพ์ใน JCI เมื่อ 2 เดือนก่อน

"paper ไม่ได้พูดถึงราในยาดมสมุนไพรในข่าว แต่ พูดถึงสปอร์ของเชื้อราที่ชื่อว่า Aspergillus fumigatus ซึ่งเป็นเชื้อราที่พบได้ทั่วไปในสิ่งแวดล้อม สำหรับคนที่มีสุขภาพแข็งแรง ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายสามารถกำจัดสปอร์เหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย แต่สำหรับผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว ผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ หรือผู้ที่ติดเชื้อไวรัสรุนแรง สปอร์เชื้อราเหล่านี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของ "โรคแอสเปอร์จิลโลซิส" (Aspergillosis) ซึ่งเป็นการติดเชื้อราในปอดที่รุนแรง และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ นักวิทยาศาสตร์จึงพยายามทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าร่างกายของเราต่อสู้กับเชื้อรานี้อย่างไร เพื่อหาหนทางใหม่ๆ ในการรักษา"

ดังนั้น แม้เชื้อจุลินทรีย์ที่ตรวจพบใน ยาดมหงส์ไทย สูตร 2 อาจไม่ใช่ชนิดที่ก่อโรครุนแรง แต่อาจเป็นอันตรายต่อกลุ่มผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ หรือผู้มีปัญหาปอดเรื้อรัง เพราะต่อให้ร่างกายคนทั่วไปสามารถกำจัดเชื้อจุลินทรีย์แปลกปลอมได้ แต่ในผู้สูงอายุหรือผู้ที่ภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง เชื้อเหล่านี้อาจทำให้เกิดการติดเชื้อหรืออาการระคายเคืองระบบทางเดินหายใจได้ จึงควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีรายงานการปนเปื้อน

เชื้อจุลินทรีย์ 'หงส์ไทย สูตร2' เสี่ยงติดเชื้อรา ส่งผลระบบทางเดินหายใจ

กลไกสื่อสารระหว่างเซลล์ภูมิคุ้มกัน ต่อการติดเชื้อราในปอด

ทั้งนี้ ทีมนักวิจัยทราบดีว่า "นิวโทรฟิล" (Neutrophil) ซึ่งเป็นเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง เปรียบเสมือนทหารด่านหน้าที่คอยจับกิน และทำลายเชื้อรา แต่ทหารเหล่านี้จะต่อสู้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อได้รับการ "สั่งการ" หรือ "กระตุ้น" จากเซลล์ภูมิคุ้มกันชนิดอื่น หนึ่งในผู้ช่วยสำคัญของนิวโทรฟิลก็คือ เซลล์ที่ชื่อว่า Plasmacytoid Dendritic Cell หรือ pDC ซึ่งก่อนหน้านี้มีการค้นพบว่า pDC ช่วยให้นิวโทรฟิลทำงานได้ดีขึ้น

แต่ยังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า "บทสนทนา" ระหว่างเซลล์ทั้งสองชนิดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร กลไกการสื่อสารในระดับโมเลกุลที่ทำให้ pDC สามารถปลุกพลังของนิวโทรฟิลให้พร้อมรบคืออะไร นี่คือคำถามหลักที่คณะนักวิจัยต้องการค้นหาคำตอบ พวกเขาสมมติว่า pDC อาจหลั่งสารสื่อประสาทบางอย่างออกมา เพื่อส่งสัญญาณไปเปิดสวิตช์การทำงานที่สำคัญภายในเซลล์นิวโทรฟิล

เพื่อไขปริศนานี้ นักวิจัยได้ออกแบบการทดลองโดยใช้หนูเป็นโมเดลในการศึกษาการติดเชื้อราในปอด พวกเขาสร้างหนูที่มีลักษณะพิเศษต่างๆ เช่น หนูที่ไม่สามารถสร้างโปรตีนสำคัญที่ชื่อว่า STAT1 (ซึ่งเป็นโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับการรับสัญญาณ) ในเซลล์นิวโทรฟิลโดยเฉพาะ หรือหนูที่สามารถกำจัดเซลล์ pDC ออกจากร่างกายได้เมื่อต้องการ นอกจากนี้ ยังมีการใช้เทคนิคในการติดฉลากสปอร์ของเชื้อราด้วยสารเรืองแสงสองสี ทำให้สามารถแยกแยะได้ว่าสปอร์ที่อยู่ในเซลล์นิวโทรฟิลนั้นยังมีชีวิตอยู่ (เรืองแสงสีหนึ่ง) หรือถูกทำลายไปแล้ว (แสงสีนั้นหายไป) ซึ่งช่วยให้นักวิจัยสามารถวัดประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อราของนิวโทรฟิลได้อย่างแม่นยำ

นักวิจัยค้นพบว่าเมื่อมีการติดเชื้อราในปอด เซลล์ pDC จะเดินทางจากไขกระดูกมายังปอด และเมื่อมาถึงสมรภูมิรบ มันจะเปลี่ยนตัวเองเป็นเซลล์ที่ตื่นตัวอย่างเต็มที่ และเริ่มผลิตสารสื่อสารที่เรียกว่า "อินเตอร์เฟียรอน" (Interferon) ชนิดที่หนึ่ง และสามในปริมาณมาก สารอินเตอร์เฟียรอนนี้จะลอยไปจับกับตัวรับสัญญาณบนผิวของเซลล์นิวโทรฟิล เป็นการส่งข้อความว่า "ถึงเวลาต่อสู้แล้ว" เมื่อนิวโทรฟิลได้รับสัญญาณนี้ โปรตีน STAT1 ที่อยู่ภายในเซลล์จะถูกกระตุ้นให้ทำงาน

ซึ่งการเปิดสวิตช์ของ STAT1 นี้มีความสำคัญเพราะมันจะไปสั่งการให้เซลล์นิวโทรฟิลผลิตโปรตีนอีกตัวหนึ่งที่ชื่อว่า CYBB ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญของเครื่องจักรผลิต "สารอนุมูลอิสระ" (Reactive Oxygen Species หรือ ROS) ซึ่งเป็นอาวุธหลักที่นิวโทรฟิลใช้ในการทำลายเชื้อโรค ผลการทดลองยืนยันเรื่องนี้อย่างชัดเจน เมื่อนักวิจัยทดลองในหนูที่นิวโทรฟิลไม่สามารถสร้าง STAT1 ได้ พวกเขาพบว่านิวโทรฟิลของหนูเหล่านี้ยังคงจับกินสปอร์ของเชื้อราได้ แต่กลับไม่สามารถฆ่าเชื้อราที่อยู่ภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสร้างอาวุธ (ROS) ได้น้อยลง ในทางกลับกัน เมื่อพวกเขาลองกำจัดเซลล์ pDC ออกไปจากหนูปกติ ผลที่ได้ก็คือ นิวโทรฟิลของหนูเหล่านี้ก็สูญเสียความสามารถในการฆ่าเชื้อราไปเช่นกัน ซึ่งเป็นการยืนยันว่าสัญญาณจาก pDC นั้นจำเป็นต่อการปลุกพลังของนิวโทรฟิล

เชื้อจุลินทรีย์ 'หงส์ไทย สูตร2' เสี่ยงติดเชื้อรา ส่งผลระบบทางเดินหายใจ

ไม่ควรเปิดฝาทิ้งไว้ และไม่ใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน

งานวิจัยนี้เป็นการวาดแผนที่การสื่อสารระหว่างเซลล์ภูมิคุ้มกันสองชนิดได้อย่างละเอียดเป็นครั้งแรก โดยระบุเส้นทางการส่งสัญญาณที่ชัดเจนตั้งแต่ pDC หลั่งอินเตอร์เฟียรอน ไปสู่การกระตุ้น STAT1 และการสร้างโปรตีน CYBB ในนิวโทรฟิล ซึ่งเป็นแกนหลักในการป้องกันการติดเชื้อรา ความรู้นี้เปิดประตูสู่ความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในทางการแพทย์ ในอนาคต แทนที่จะพึ่งพายาฆ่าเชื้อราเพียงอย่างเดียว

เราอาจสามารถพัฒนาวิธีการรักษาแบบใหม่ที่มุ่งเน้นไปที่การ "ปรับจูน" หรือ "ส่งเสริม" ระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยให้แข็งแกร่งขึ้น เช่น การคิดค้นยาที่เลียนแบบการทำงานของอินเตอร์เฟียรอน หรือยาที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของโปรตีน STAT1 ในนิวโทรฟิลโดยตรง เพื่อช่วยให้ร่างกายของผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอสามารถต่อสู้กับการติดเชื้อราที่อันตรายนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วยกำลังของตัวเอง

"พฤติกรรมการใช้ยาดมตลอดเวลาหรือใช้แบบไม่ระมัดระวัง เช่น การเปิดฝาทิ้งไว้ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความชื้นสูง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเจริญเติบโตของเชื้อราได้ โดยเฉพาะยาดมสมุนไพรที่ผลิตจากวัตถุดิบตากแห้งหรืออบแห้งแบบพื้นบ้าน ซึ่งอาจไม่ได้ผ่านการตรวจสอบคุณภาพอย่างเป็นระบบ ดังนั้น หากเปิดใช้แล้ว ควรปิดฝาทุกครั้ง และไม่ใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน "

อ้างอิง : Anan Jongkaewwattana

เชื้อจุลินทรีย์ 'หงส์ไทย สูตร2' เสี่ยงติดเชื้อรา ส่งผลระบบทางเดินหายใจ

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์