นวดไทย : ขุมพลังซอฟต์พาวเวอร์ บุกตลาดโลก เปิดโอกาสแรงงานไทย

หลังจากกระทรวงแรงงานจัดโชว์เคสทักษะด้านการบริการสุขภาพ : ภูมิปัญญาไทยสู่ซอฟต์พาวเวอร์ระดับโลก(Thai Wisdom towards the Global Soft Power: The Wellness Skills Showcase) ระหว่างวันที่ 19-20 พ.ค.68 ที่สถาบันทรัพยากรมนุษย์สำหรับอุตสาหกรรมบริการสุขภาพ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เพื่อแสดงศักยภาพของการพัฒนาทักษะแรงงานไทยด้านอุตสาหกรรมบริการสุขภาพให้คณะเอกอัครราชทูต 4 ประเทศที่มาเยี่ยมชมมีความมั่นใจในทักษะฝีมือของแรงงานของไทย    

ไม่ว่าจะเป็น เปาโล ดีโอนีซี (H.E. Mr. Paolo Dionisi) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลี ปาร์ค ยง-มิน (H.E. Mr. Park Yong-min) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี แคทเทอรีน หว่อง (H.E. Ms. Catherine Wong) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสิงคโปร์ มาซาโตะ โอตากะ (H.E. Mr. Masato Otaka) เอกอัครราชทูตญี่ปุ่น

ผลปรากฏว่า เอกอัครราชทูตทั้ง 4 ประเทศ ต่างเห็นพ้องกันว่าสามารถเชื่อมโยงการจ้างงานแรงงานสุขภาพจากไทยในประเทศของตน  ในอนาคตอาจจะมีการพัฒนานำไปสู่การหารือและจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) หรือข้อตกลงทวิภาคี ด้านแรงงานเฉพาะทางด้านการบริการสุขภาพจัดส่งแรงงานเป็นไปอย่างเป็นระบบและปลอดภัย นับเป็นจุดเริ่มต้นในการขยายตลาดแรงงานนวดแผนไทยไปยังประเทศอื่นๆ ที่มีศักยภาพและความต้องการในบริการสุขภาพและ Wellness

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

'นวดไทย' โอกาสทองตลาดโลก ทำงานได้ทุกที่ เกิดขึ้นได้จริงหรือแค่ฝัน?

โรงเรียนอันดามัน สอนนวดไทยที่ 'แคลิฟอร์เนีย' จบได้ไลเซ่นรายได้เดือนเฉียดแสน

โชว์เคสครั้งนี้สร้างแรงกระเพื่อมได้

“เดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์” อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ”ว่าโครงการนี้จะเป็นการช่วยตอกย้ำและขับเคลื่อนให้ภูมิปัญญาไทยนี้เป็นที่รู้จักและยอมรับ ในระดับสากลมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมของการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยในระยะยาว  ซึ่ง กระทรวงแรงงานมีแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาทักษะแรงงานบริการสุขภาพให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลก โดยเฉพาะด้าน Wellness เช่น นวดไทยและสปา ซึ่งได้รับความนิยมในหลายประเทศและสามารถส่งออกแรงงานฝีมือได้ถูกต้องตามกฎหมาย

งานโชว์เคสครั้งนี้สร้างแรงกระเพื่อมได้อย่างมาก ทำให้คณะทูตเห็นว่านวดไทยมีมากกว่าที่เคยทราบและมีมาตรฐานชัดเจน ตั้งใจให้การจัดงานโชว์เคสทักษะการบริการสุขภาพจากภูมิปัญญาไทยสู่ซอฟต์พาวเวอร์ระดับโลก เป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านต่างๆ ที่ส่งผลเชิงบวกต่อตลาดแรงงาน และประเทศไทยในระยะยาว

โดยยกระดับสถานะและมาตรฐานแรงงาน รวมถึงการยกระดับภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือ ให้แก่แรงงานนวดไทยในสายตานายจ้างและผู้บริโภคในประเทศเหล่านั้น เมื่อทักษะได้รับการยอมรับและ มีมาตรฐาน นายจ้างจะเต็มใจจ่ายค่าตอบแทนที่สูงขึ้นและจัดหาสวัสดิการที่ดีขึ้นให้กับแรงงานไทยจะส่งผลให้มีการ เพิ่มค่าจ้างและสวัสดิการที่ดีขึ้น

สร้างแบรนด์ “Thai Massage”

"ในอนาคตอาจเกิดความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและประเทศต่างๆ ในการพัฒนาระบบ การรับรองทักษะร่วมกันเพื่อให้แรงงานไทยสามารถทำงานในต่างประเทศได้และได้รับการยอมรับในคุณวุฒิของแรงงานนวดไทย ซึ่งปัจจุบัน “นวดไทย” ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติจากยูเนสโก ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญมาก แต่สิ่งที่เราต้องทำต่อจากนั้นคือการยกระดับ “ภาพลักษณ์และคุณภาพบริการ” อย่างเป็นระบบ เพื่อให้ทั่วโลกมองว่านวดไทยเป็นมากกว่าการผ่อนคลาย แต่คือศาสตร์ที่มีรากฐานในวัฒนธรรมและสุขภาวะ อย่างแท้จริง" 

สำหรับการยกระดับนวดไทยสามารถแบ่งแนวทางออกเป็น 4 ด้านหลัก 

1. ยกระดับมาตรฐานวิชาชีพ เร่งผลักดันให้มีมาตรฐานวิชาชีพนวดไทยที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ทั้งในด้านเนื้อหาการฝึกอบรม คุณสมบัติผู้สอน รวมถึงระบบการรับรองใบประกอบวิชาชีพที่เข้มข้น โดยจะประสานงานกับหน่วยงานต่างประเทศเพื่อสร้างความเทียบเท่าในระบบคุณวุฒิ เช่น ความร่วมมือ MRA (Mutual Recognition Agreement) กับประเทศที่มีตลาดแรงงานด้านสุขภาพสูง

2. พัฒนาแบรนด์ “นวดไทย” ให้มีอัตลักษณ์จะสร้างแบรนด์ “Thai Massage” ที่มีเอกลักษณ์ ทั้งในแง่การตกแต่งร้าน การบริการ และการแต่งกายของผู้ให้บริการ เช่น การใช้ผ้าฝ้ายไทย กลิ่นสมุนไพร เครื่องดื่มต้อนรับแบบไทย สิ่งเหล่านี้จะสะท้อนถึงความละเมียดละไมในวัฒนธรรมไทยที่ไม่เหมือนใคร 

3.ผลักดัน Soft Power ผ่านสื่อและเวทีโลก จัดกิจกรรมเผยแพร่นวดไทยในงานเทศกาล วัฒนธรรมนานาชาติ และจะร่วมมือกับสื่อ สารคดี และรายการโทรทัศน์เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของนักนวดไทย ที่ประสบความสำเร็จในต่างประเทศ รวมถึงจัดตั้ง “ทูตวัฒนธรรมนวดไทย” ที่จะเป็นผู้แทนในการเผยแพร่ อัตลักษณ์นี้อย่างมืออาชีพ

4. สร้างความเชื่อมั่นเรื่องสุขอนามัยและคุณภาพบริการ ส่งเสริมให้ร้านนวดไทยทั้งในและต่างประเทศผ่านการรับรอง Thai Spa Standard หรือ Thai Select Wellness รวมถึงมีระบบประเมินผลความพึงพอใจของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความ ไว้วางใจในคุณภาพ โดยคาดหวังว่านวดไทยจะได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในบริการสุขภาพเชิงวัฒนธรรมที่ดีที่สุดของโลก ไม่เพียงแต่สร้างรายได้ให้กับแรงงานและผู้ประกอบการไทย แต่ยังเป็นการส่งออกวัฒนธรรมที่สร้าง ภาพลักษณ์ของไทยในเวทีโลกได้อย่างภาคภูมิ   

จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมในต่างประเทศ

อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวว่าในอนาคตจะมีการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมในต่างประเทศ ที่มีความต้องการแรงงานไทยจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง อาจจะมีการพิจารณาร่วมมือจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรม ทักษะการนวดแผนไทยในประเทศนั้นๆ เพื่อผลิตบุคลากรที่ตรงตามความต้องการและลดขั้นตอนการเคลื่อนย้าย แรงงาน รวมถึงจะเป็นโอกาสที่ดีที่นายทุนต่างชาติมีความสนใจร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการไทยเพื่อเปิดธุรกิจสปา หรือ Wellness Center ที่เน้นการนวดแผนไทยในประเทศของตน

รวมทั้งทำให้นวดไทยที่ได้รับการรับรองจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานให้เป็นที่ยอมรับในประเทศปลายทางเพื่อให้แรงงานไทยสามารถยื่นขอ ใบอนุญาตทำงานได้ง่ายขึ้นรวมถึงการพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมที่นอกจากทักษะการนวดแล้ว ยังรวมถึงทักษะ ภาษาและวัฒนธรรมของประเทศปลายทาง เพื่อเตรียมความพร้อมให้แรงงานก่อนเดินทางไปทำงานต่างประเทศ

ส่งเสริมการจ้างงานโดยตรง/บริษัทจัดหางานที่โปร่งใสเพื่อสนับสนุนช่องทางการจ้างงานที่ถูกต้องตามกฎหมายและ สามารถกำกับดูแลบริษัทจัดหางานให้มีความโปร่งใสไม่แสวงหาผลประโยชน์เกินควร พร้อมทั้งใช้ช่องทาง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศผ่านสถานทูต เพื่อสร้างความเข้าใจและผลักดันนโยบายที่เอื้อต่อการจ้างงานแรงงาน ไทยในอนาคต

ปัจจุบัน ความต้องการแรงงานนวดไทยมีสูงทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น เกาะสมุยที่กำลังขาดแคลนอย่างหนัก กรมฯ มีแผนเร่งผลิตบุคลากรด้านนี้ โดยจะฝึกอบรมในสมุย 480 คน และวางแผนเพิ่มอีกประมาณ 500 คนในปีงบประมาณถัดไปสำหรับพื้นที่อื่นที่ต้องการ เงินจากกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานที่มีอยู่กว่า 1,200 ล้านบาท สามารถนำมาสนับสนุนการฝึกอบรมให้กับผู้ที่ต้องการเรียนได้ โดยพิจารณาจากความต้องการของตลาดและผู้เรียนจริงจัง

แก้ปัญหาข้อจำกัด“ญี่ปุ่น-เกาหลี”

อย่างไรก็ตาม อาชีพหมอนวดเป็นอาชีพสงวนที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการนวดบำบัดที่ต้องใช้ความรู้ทางกายวิภาคและสรีรวิทยา ถูกสงวนไว้สำหรับผู้ที่สำเร็จการศึกษาจาก สถาบันที่ญี่ปุ่นรับรองและสอบผ่านใบประกอบวิชาชีพของญี่ปุ่นเท่านั้น หากนายจ้างต้องการจ้าง ชาวต่างชาติเป็นหมอนวดในญี่ปุ่น จะต้องจ้างผู้ที่ถือวีซ่าที่ไม่มีข้อจำกัดในการทำงาน เช่น คู่สมรสของชาวญี่ปุ่น ผู้พำนักถาวร ผู้พำนักถาวรระยะยาว 

คนไทยที่จะทำงานนวดใน ญี่ปุ่นได้อย่างถูกกฎหมาย ต้องมีวีซ่าประเภทเหล่านี้แต่ก็ยังมีกฎระเบียบและมาตรฐานที่ต้องปฏิบัติตาม  ส่วนประเทศเกาหลีใต้อาชีพหมอนวด ถูกสงวนไว้สำหรับผู้พิการทางสายตา ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมอาชีพให้กับผู้พิการ

ดังนั้น จะต้องส่งเสริมการนวดเพื่อผ่อนคลาย และ Wellness โดยพัฒนาหลักสูตรที่เน้นการนวดเพื่อผ่อนคลาย สปา เทคนิคเฉพาะของไทย (เช่น นวดน้ำมัน นวดประคบสมุนไพร) ภูมิปัญญาไทยที่เน้นการผ่อนคลาย ฟื้นฟูสุขภาพแบบองค์รวม ไม่ใช่การรักษาทางการแพทย์ รวมทั้งร่วมมือกับ ภาคธุรกิจสปา/โรงแรม เพื่อเน้นการจัดส่งแรงงานไปยังธุรกิจโรงแรม สปา ฟิตเนสเซนเตอร์ หรือสถานประกอบการด้านสุขภาพ 

สร้างมาตรฐานวิชาชีพและใบอนุญาตเฉพาะด้านสำหรับแรงงานต่างชาติที่ทำหน้าที่นวดเพื่อผ่อนคลาย และส่งเสริมการลงทุนของไทยในญี่ปุ่น/เกาหลีใต้ ลงทุนเปิดสปาหรือศูนย์ Wellness ที่เน้นบริการนวดไทยแท้ๆ ซึ่งจะช่วยให้สามารถจ้างแรงงานไทยไปทำงานได้ง่ายขึ้นภายใต้กฎหมายการลงทุนของประเทศนั้น ๆ