BIOTEC ผงาดธุรกิจน้ำมันปาล์ม – เดินเรือคึก ดันกำไร 9 เดือนพุ่ง 2,192

BIOTEC ผงาดธุรกิจน้ำมันปาล์ม – เดินเรือคึก ดันกำไร 9 เดือนพุ่ง 2,192

“BIOTEC” ผงาดธุรกิจน้ำมันปาล์ม – เดินเรือคึก ดันกำไรสุทธิ 9 เดือนทะยาน 2,192% เล็งต่อยอดกลีเซอรีน ดันมูลค่าเพิ่ม สู่การสร้างรายได้ในอนาคต

บริษัท ไบโอ กรีน เอ็นเนอร์ยี่ เทค จำกัด (มหาชน) หรือ BIOTEC เป็นผู้ดำเนินธุรกิจ Holding Company ผ่านบริษัทย่อยทั้งในประเทศ และต่างประเทศ อาทิ ธุรกิจพาณิชย์นาวี ธุรกิจผลิต และจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล และกลีเซอรีน แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2565 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 ว่า บริษัทมีรายได้จากการขาย และให้บริการเท่ากับ 3,065.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,841.75 ล้านบาท เมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีรายได้ 224.18 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1,267.62% และมีกำไรสุทธิที่ 207.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 198.90 ล้านบาท เมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9.07 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2,192.94%

โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพาณิชย์นาวี 414.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 190.21 ล้านบาท หรือ 84.85%

ในขณะที่ธุรกิจผลิต และจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล และกลีเซอรีน มีรายได้ 2,651.54 ล้านบาท เพิ่มเข้ามาเป็นปีแรก

ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2565 บริษัทมีรายได้จากการขาย และให้บริการเท่ากับ 832.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 737.51 ล้านบาท เมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีรายได้ 95.47 ล้านบาท หรือคิดเป็น 772.50% และมีกำไรสุทธิที่ 38.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.75 ล้านบาท เมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 24.17 ล้านบาท หรือคิดเป็น 61.03% แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพาณิชย์นาวี 168.85 ล้านบาท และธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล และกลีเซอรีน มีรายได้ 664.13 ล้านบาท

ทั้งนี้สาเหตุที่ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างโดดเด่น เป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้จากธุรกิจธุรกิจพาณิชย์นาวี เนื่องจากความต้องการการขนส่งทางเรือเพิ่มมากขึ้น สอดคล้องกับอัตราค่าระวางเรือ ในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งรายได้จากธุรกิจด้านผลิต และจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล และกลีเซอรีน เพิ่มขึ้น 100.00% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทเริ่มรับรู้รายได้จากการดำเนินธุรกิจของบริษัทย่อย 2 แห่งที่ผลิต และจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล และกลีเซอรีน ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2565 และวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นมา

โดยมีรายได้หลักมาจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันไบโอดีเซลจากน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ซึ่งมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำมันดีเซล เพื่อจัดจำหน่ายให้แก่ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 เพื่อนำไปผสมกับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วในสัดส่วนตามที่ภาครัฐกำหนด และได้ผลผลิตเป็นน้ำมันดีเซลที่มีส่วนผสมของไบโอดีเซลสำหรับจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคเพื่อใช้กับยานยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลต่อไป

นายรุ่งนิรันดร์ ตั้งสุรกิจ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไบโอ กรีน เอ็นเนอร์ยี่ เทค (BIOTEC) เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/2565 ว่า ภายหลังที่บริษัทมีการปรับโครงสร้างธุรกิจ เป็นผู้ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้น (Holding Company) โดยมีธุรกิจหลักคือ ธุรกิจพาณิชย์นาวี และได้ลงทุนเพิ่มในธุรกิจน้ำมันปาล์ม เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากการพึ่งธุรกิจพาณิชย์นาวีเพียงอย่างเดียว และยังเป็นการเพิ่มรายได้ให้บริษัท อย่างยั่งยืนมากขึ้นในอนาคต

สำหรับแนวโน้มธุรกิจพาณิชย์นาวี มองว่า บริษัทยังมีความสามารถในการสร้างรายได้ และกำไรอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกที่คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับสถานการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศรัสเซีย และยูเครน ทำให้ความต้องการใช้เรือเพิ่มสูงขึ้น ปัจจุบันบริษัทให้บริการขนส่งทางทะเลในเส้นทางเอเชีย-ตะวันออกกลาง และทั่วโลก โดยบริษัทยังคงให้บริการขนส่งกลุ่มลูกค้าได้อย่างดี

ขณะที่ธุรกิจน้ำมันปาล์ม ได้ผ่านช่วงราคาน้ำมันปาล์มที่มีความผันผวนค่อนข้างสูง แต่หากมองในระยะถัดไปเชื่อว่าแนวโน้มความต้องการใช้ยังเติบโต จากการปรับสูตรการผสมขั้นต่ำของไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซล เป็น B7 อีกทั้งยังมีการเปิดเมือง และการกลับมาของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นตัวแปรหลักต่อการใช้น้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้น ปัจจุบัน “บมจ. ไบโอ กรีน เอ็นเนอร์ยี่ เทค” มีกำลังการผลิตน้ำมันไบโอดีเซลรวม ประมาณ 500,000 ลิตรต่อวัน โดยแบ่งเป็นโรงผลิตที่จังหวัดชุมพร มีกำลังการผลิต 200,000 ลิตรต่อวัน และโรงผลิตที่จังหวัดระยอง มีกำลังการผลิต 300,000 ลิตรต่อวัน โดยทั้งสองโรงผลิตยังคงเดินเครื่องเต็มกำลัง

นอกจากนี้ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ไบโอ กรีน เอ็นเนอร์ยี่ เทค ยังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาต่อยอดธุรกิจในส่วนของกลีเซอรีน ซึ่งกลีเซอรีนเป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้ที่มาจากการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล บริษัทจึงมองถึงเรื่องการสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ เนื่องจากกลีเซอรีน เป็นเคมีภัณฑ์จากธรรมชาติ ที่ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องสำอาง สินค้าอุปโภคบริโภค อาหาร และยา จึงทำให้ความต้องการในการใช้กลีเซอรีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบกลีเซอรีนบริสุทธิ์ และผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ใช้กลีเซอรีนเป็นส่วนผสมในการผลิต โดยเฉพาะในตลาดอาเซียนที่มีความต้องการผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เพื่อนำไปผลิตเครื่องสำอาง ดังนั้นจากปัจจัยดังกล่าวทำให้บริษัท มองเห็นโอกาสในการขับเคลื่อนเพื่อต่อยอดธุรกิจในส่วนของกลีเซอรีน

“บริษัทพร้อมเดินหน้าปรับขบวนธุรกิจใหม่ หลังเข้าลงทุนในธุรกิจน้ำมันปาล์ม ซึ่งเป็นการเสริมศักยภาพให้ผลการดำเนินงานในอนาคตของ BIOTEC เติบโตอย่างยั่งยืน จากความแข็งแกร่ง (Synergy) ของกลุ่มธุรกิจปาล์มที่สามารถต่อยอดไปยังโปรดักส์ใหม่ที่มีมาร์จิ้นสูง ควบคู่ไปกับการพัฒนาในส่วนของธุรกิจพาณิชย์นาวี เพื่อลดความเสี่ยงในการพึ่งพาธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งเพียงอย่างเดียว และยังสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคตจากการเติบโตของผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้น”

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์