วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก สหรัฐชะลอเก็บภาษี

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก สหรัฐชะลอเก็บภาษี

วันจันทร์ที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบ ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยช่วงเปิดตลาดดัชนีปรับตัวลงมากสุดราว 43 จุด หลุด 1,300 จุด จากความกังวลสงครามการค้า หลัง “ทรัมป์” ลงนามเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโก แคนาดา และจีน มีแรงขายมากในหุ้นกลุ่ม Big-Cap

อย่างไรก็ตามเริ่มมีแรงซื้อทะยอยกลับเข้ามาในช่วงบ่าย เป็นปัจจัยช่วยพยุงดัชนีกลับมายืนระดับ 1,300 จุด ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,304.39 จุด -10.11 จุด -0.77% มูลค่าการซื้อขาย 54,212.17 ลบ. Program Trading -1,689.08 ลบ. ต่างชาติ -362.91 ลบ. TFEX +43,027 สัญญา ตราสารหนี้ -4,621.84 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ สัญญาน้ำมันดิบ เพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 0.87% ปิดที่ 73.16 ดอลลาร์/บาร์เรล ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังจาก ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศชะลอแผนการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกออกไปอีก 1 เดือน ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะติดขัดด้านอุปทานพลังงาน
+ สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50.9 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2565 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 49.8 จากระดับ 49.2 ในเดือนธ.ค.
+ สหรัฐฯ เปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย. ส่วนเมื่อเทียบรายปี การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างพุ่งขึ้น 4.3% ในเดือนธ.ค.
+กระทรวงการคลัง เตรียมหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับมาตรการเพื่อรองรับการแก้ป้ญหาการปฏิเสธสินเชื่อรถยนต์ โดยเฉพาะรถกระบะ หลังจากพบว่ามียอดปฏิเสธสินเชื่อ สูงถึง 70% จนเป็นสาเหตุที่ทำให้ยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศชะลอตัว

ปัจจัยลบ   

- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 122.75 จุด หรือ -0.28% แต่ดัชนี ฟื้นตัวจากการดิ่งลงอย่างหนักในช่วงแรก โดยได้แรงหนุนจาก การที่ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศชะลอแผนการ เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกออกไปอีก 1 เดือน

- ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ยืนยันเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้ากับสหภาพยุโรป (EU) "อย่างแน่นอน" สาเหตุจากการ ขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ กับ EU รวมไปถึง EU นำเข้ารถยนต์และสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ น้อยเกินไป
- สสว.เผยภาระหนี้สินของ SME ไตรมาส 4/67 มีสัดส่วนทรงตัว ที่ 65.0% ชี้ปัญหากาลังซื้อต่ำ-พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน และ การแข่งขันสูงกระทบผู้ประกอบการ

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาส Rebound ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมีแรงหนุนจาก ผู้นำสหรัฐประกาศชะลอแผนการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้า ประกอบกับสหรัฐรายงาน PMI สูงกว่าคาด มองกรอบดัชนี 1,300-1,320 จุด

กลยุทธ์การลงทุน    

• หุ้นที่ได้ประโยชน์โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” : KBANK SCB BBL TTB
• หุ้น ESG ดีเยี่ยม : ADVANC GULF BBL BEM RATCH CPN
• หุ้นได้ประโยชน์ Easy-E receipt : CRC COM7 ERW CENTEL MINT M AU TNP SIS SYNEX IP HL
• Chat with Tony : VGI BTS BEM GULF INTUCH
• Sentiment เชิงบวกจาก บ้านเพื่อไทย : CK STECON CRD

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

OSP ("ถือ" Bloomberg Consensus 22.00 บาท)
"คาดกำไร 4Q67 เติบโต QoQ และ YoY" 

•คาดกำไร 4Q67 อยู่ที่ราว 532 ลบ. +22%YoY และพลิกจากขาดทุนเป็นกำไรเมื่อเทียบกับ 3Q67 เนื่องจาก 3Q67 มีผลขาดทุนจากการตัดจำหน่ายเงินลงทุนราว 1.03 พันลบ. โดยคาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 7.06 พันลบ. เติบโต 17%QoQ และเติบโต 8%YoY โดยฟื้นตัวจากผลกระทบของน้ำท่วมในภาคเหนือและอีสานใน 3Q67 ด้านอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน 1% สู่ 37% จากการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่า 4Q67 ค่าใช้จ่ายพิเศษราว 130 ลบ. เป็นปัจจัยกดดัน ผลประกอบการ ทั้งนี้ กำไร 9M67 อยู่ที่ 1.07 พันลบ. -46%YoY และคิดเป็น 63% ของประมาณการ

•ปี 68 ผู้บริหาร เตรียมออกสินค้าใหม่ M150 ฝาเหลืองราคา 10 บาท เพื่อจำหน่ายทางช่องทาง Traditional trade เพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาดจาก 45% ให้กลับสู่ 50% ทั้งนี้ คาดว่าค่าใช้จ่ายในการขายจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากการออกโปรโมชั่นและโฆษณาตอนโปรโมทสินค้า ความเห็น เรามุมมองลบต่อ OSP และกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังเนื่องจากอยู่ในตลาดผู้ขายน้อยราย ทำให้การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ของ OSP จะส่งผลประกอบต่อคู่แข่งโดยตรงและอาจเกิด Price war ซึ่งจะกดดันอัตราการทำกำไรของทั้งอุตสาหกรรม เราจึงแนะนำเพียง “ถือ” แม้ว่าจะมี upside ราว 40% ก็ตาม

ความเห็น เรามุมมองลบต่อ OSP และกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังเนื่องจากอยู่ในตลาดผู้ขายน้อยราย ทำให้การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ของ OSP จะส่งผลประกอบต่อคู่แข่งโดยตรงและอาจเกิด Price war ซึ่งจะกดดันอัตราการทำกำไรของทั้งอุตสาหกรรม เราจึงแนะนำเพียง “ถือ” แม้ว่าจะมี upside ราว 40% ก็ตาม

หุ้นมีข่าว

(+) AMATA (Bloomberg Consensus 34.00 บาท) มั่นใจปิดงบปี 2567 ขายทะลุ 2.5 พันไร่ เชื่อนโยบายทรัมป์ 2.0 กระตุ้นการย้ายฐานต่อเนื่อง หนุนยอดขายปี 2568 เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง เตรียมผุดนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ครอบคลุม 3 ประเทศ ทั้งในพื้นที่ จ.ชลบุรี สปป.ลาว และเวียดนาม ควบคู่พัฒนาระบบสาธารณูปโภคทั้งน้า-ไฟ เต็มสูบ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) EGCO (Bloomberg Consensus 128.00 บาท)ประกาศความสำเร็จ Yunlin ในไต้หวัน สามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบครบ 80 ต้น กำลังผลิตรวม 640 เมกะวัตต์ เรียบร้อยแล้ว จากความสำเร็จดังกล่าวทำให้ Yunlin เป็นหนึ่งในโรงไฟฟ้าพลังงานลม นอกชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน เล็งรับรู้รายได้จาก Yunlin เต็มปี 2568 เป็นปีแรก (ที่มา ทันหุ้น)

(+) KBANK (Bloomberg Consensus 175.00 บาท) เปิดแผนธุรกิจ ปี 2568 ให้ความสำคัญกับการเติบโตสินเชื่อที่มีคุณภาพ ตั้งเป้าหมายเติบโตรายได้และสินเชื่ออย่างมีคุณภาพ มุ่งสู่การเป็นธนาคารที่มีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) เป็นตัวเลขสองหลัก ทำต่อเนื่อง 3 ยุทธศาสตร์ เพิ่มประสิทธิภาพด้านสินเชื่อ, ขยายธุรกิจรายได้ค่าธรรมเนียม, เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับช่องทางต่างๆ ผ่านการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (ที่มา ทันหุ้น)

(+) MC (Bloomberg Consensus 13.15 บาท) เผยอากาศหนาวหนุนยอดขายพุ่ง มั่นใจไตรมาส 2/2568 (สิ้นสุดธ.ค.2567) งบสวย ขณะที่มาตรการ Easy E-Receipt ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ ขณะที่นโยบายแจกเงินหมื่นส่งผลบวกชัด พร้อมย้ำเป้ารายได้งวดปี 2568 เติบโตตัวเลขสองหลัก เดือนกุมภาพันธ์ 2568 เตรียมคอลแลปส์ แอนิเมชั่น Little Princess ออกคอลเล็กชันพิเศษกระตุ้นการตลาด (ที่มา ทันหุ้น)