ไทยเดินเกมรุก COP30 เจรจานานาชาติ ญี่ปุ่น-เยอรมนี ดึงเม็ดเงิน ดันเป้า Net Zero

ประเทศไทยเปิดเกมรุกในเวที COP30 เดินหน้าขยายพันธมิตรด้านภูมิอากาศอย่างหนัก เปิดฉากเจรจาระดับรัฐมนตรีกับ ญี่ปุ่น–เยอรมนี รวมถึงองค์กรนานาชาติ เพื่อดึง “เงินทุน เทคโนโลยี และความร่วมมือเชิงนโยบาย” เข้าสู่ไทย เร่งเครื่องขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Net Zero 2050 และ NDC 3.0 ลดก๊าซเรือนกระจก 47% ภายในปี 2578 อย่างมั่นคง และเป็นรูปธรรม

การประชุมครั้งนี้ นำโดย นางสาวภัทรานันท์ ทองประพาฬ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย พร้อมด้วย ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสิ่งแวดล้อม และคณะผู้แทนไทยจากหลายหน่วยงาน

เปิดประตูความร่วมมือใหม่ ญี่ปุ่น

คณะผู้แทนไทยได้หารือกับ นายอิชิฮาระ ฮิโรทากะ รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่น โดยไทยเน้นย้ำเป้าหมาย NDC 3.0 ซึ่งจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 47% ภายในปี 2578 ถือเป็นก้าวกระโดดด้านนโยบายของไทยในการเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจ–สังคมสู่ความยั่งยืน

ญี่ปุ่นแสดงท่าทีสนับสนุนความร่วมมือด้านต่างๆ ดังนี้

• เทคโนโลยีพลังงานสะอาด โครงการขนส่งไฟฟ้า
• อุตสาหกรรมการผลิตคาร์บอนต่ำ
• การพัฒนาบุคลากรด้านคาร์บอนเครดิต

ความคืบหน้าที่สำคัญ คือ ความเป็น “หนึ่งในประเทศแรกๆ ของโลก” ที่ไทย และญี่ปุ่นสามารถถ่ายโอนผลการลดก๊าซเรือนกระจกภายใต้กลไก Article 6.2 ของปารีส ได้จริงแล้ว สร้างความเชื่อมั่นในการระดมเงินทุน และโครงการใหม่ในไทย

จับมือเยอรมนี ขยาย IKI ระยะใหม่

ไทยยังได้หารือทวิภาคีกับ Dr. Philipp Behrens ผู้แทนกระทรวง BMUKN ของเยอรมนี เพื่อสานต่อความร่วมมือภายใต้โครงการ IKI (International Climate Initiative) ที่ไทยได้รับมาตั้งแต่ปี 2552 รวมแล้วกว่า 30 โครงการ มูลค่า 200 ล้านยูโร หรือราว 7,000 ล้านบาท

โครงการ IKI สนับสนุนไทยทั้งด้านต่างๆ ดังนี้

• การลดก๊าซเรือนกระจกในอุตสาหกรรม และพลังงาน
• การปรับตัวรับมือภัยสภาพภูมิอากาศ
• การพัฒนาเทคโนโลยีสีเขียว
• นโยบายเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

เยอรมนีแจ้งแนวทางจัดทำข้อเสนอระยะใหม่สำหรับปี 2570–2575 โดยไทยจะเริ่มหารือรายละเอียดการเข้าร่วมตั้งแต่เดือนมกราคม 2569 ถือเป็นโอกาสสำคัญในการดึงเม็ดเงินลงทุนด้านสภาพภูมิอากาศเข้าสู่ประเทศไทยในรอบถัดไป

หารือ EDF ร่วมมือด้านเทคโนโลยีลดมีเทน

คณะผู้แทนไทยได้เข้าหารือกับผู้แทนจาก Environmental Defense Fund (EDF) เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางลดการปล่อยก๊าซมีเทนในภาคพลังงาน เกษตร และอุตสาหกรรม โดย EDF ได้นำเสนอแนวปฏิบัติสากล และเทคโนโลยีสำหรับตรวจจับ–ป้องกันการรั่วไหลของมีเทนที่หลายประเทศเริ่มนำไปใช้เพื่อเร่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีประสิทธิภาพ

การหารือยังเปิดประเด็นให้ สถาบันปิโตรเลียม และพลังงานแห่งประเทศไทย (PTIT) เข้ามามีบทบาทสำคัญในการสำรวจโอกาสนำเทคโนโลยีดังกล่าวเข้ามาประยุกต์ใช้ในไทย ทั้งในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน และภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง

ความร่วมมือที่เป็นไปได้ระหว่างไทย และ EDF นี้ถูกมองว่าจะช่วยยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการมีเทน ลดความสูญเสียในระบบพลังงาน และเชื่อมโยงโดยตรงกับการ ลดต้นทุนของตลาดคาร์บอนในอนาคต ผ่านระบบตรวจวัด และรายงานที่แม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้เครดิตคาร์บอนจากการลดมีเทนมีความน่าเชื่อถือ และสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้มากขึ้น

ไทยย้ำบทบาทผู้นำภูมิภาคในเวที JCM

ด้านความร่วมมือ JCM ไทยได้มอบหมายให้ ดร.พิรุณ เข้าร่วมประชุมระดับสูง JCM ครั้งที่ 11 โดยไทยย้ำการเป็นความร่วมมือยุทธศาสตร์ที่ช่วยให้ไทยมีมาตรฐานคาร์บอนที่โปร่งใส ช่วยสร้างตลาดคาร์บอนระดับภูมิภาค เปิดโอกาสต่อการลงทุนโครงการลดก๊าซจากญี่ปุ่น และประเทศคู่ค้า และการถ่ายโอนผลลดก๊าซชุดแรกที่สำเร็จยังส่งผลเพิ่มความเชื่อมั่นต่อภาคเอกชนต่างชาติที่พร้อมลงทุนในไทยมากขึ้น

Thailand Pavilion เสริมพลังความเชื่อมั่น

ตลอดการประชุม COP30 กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสิ่งแวดล้อมยังเปิด Thailand Pavilion จัดนิทรรศการ และเสวนากว่า 10 หัวข้อ เช่น

• บัญชีคาร์บอนกับความโปร่งใสในการลดก๊าซ
• พลังเยาวชนในวิกฤติภูมิอากาศ
• การลงทุนสีเขียว
• ครบรอบ 10 ปีข้อตกลงปารีส
• การจัดการความเสี่ยง และความเสียหาย

เวทีเหล่านี้ช่วยแสดงวิสัยทัศน์ของไทยต่อผู้แทนนานาชาติ และสร้างโอกาสสำหรับความร่วมมือด้านเงินทุน และเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น

การผลักดันตลาดคาร์บอนของไทยในเวทีโลกได้รับการยอมรับ และโปรโมตอย่างกว้างขวาง สะท้อนถึงความพร้อม และความน่าเชื่อถือของไทยในฐานะผู้เล่นสำคัญด้านการลดก๊าซเรือนกระจก

ด้วยความเคลื่อนไหว และความสำเร็จในครั้งนี้ COP30 จึงถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยยกระดับบทบาทของไทยในเวทีภูมิอากาศโลกอย่างแท้จริง พร้อมสร้างโอกาสในการดึงเม็ดเงิน และความร่วมมือระดับนานาชาติ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาคาร์บอนต่ำและสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์