'ยุคใหม่สิ่งทอยั่งยืน' MicroCycle ชูเคมีรีไซเคิล เปลี่ยนขยะเป็นวัตถุดิบ ราคาเทียบเท่าของเดิม

MicroCycle บริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีผู้บุกเบิกการรีไซเคิลเชิงเคมีสำหรับสิ่งทอ ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญในการระดมทุนรอบ Seed Round มูลค่า 6.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมี Volta Circle ซึ่งเป็น Family Office ของตระกูลโลเฮีย (ผู้ก่อตั้ง Indorama Ventures) เป็นผู้ลงทุนหลัก การเชื่อมโยงทางยุทธศาสตร์นี้ไม่เพียงแต่ตอกย้ำถึงความน่าเชื่อถือของเทคโนโลยีเท่านั้น

แต่ยังเป็นการเปิดประตูให้ MicroCycle เตรียมขยายฐานการผลิตสู่ประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตสิ่งทอของโลกอย่างเป็นทางการ โดยมีเป้าหมายหลักในการแก้ไขวิกฤตขยะสิ่งทอทั่วโลก และสร้างโอกาสในการฟื้นฟูความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมสิ่งทอไทยให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง

1. วิกฤติสิ่งทอโลกและการตอบโจทย์ด้วยนวัตกรรม

สจ๊วร์ต เปญญา เฟลิซ ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ MacroCycle ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ 'กรุงเทพธุรกิจ' ว่าพันธกิจหลักของ MicroCycle คือการแก้ไขปัญหาขยะสิ่งทอที่กำลังวิกฤต โดยปัจจุบัน กว่า 99% ของสิ่งทอทั้งหมดถูกนำไปฝังกลบหรือเผาทำลาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างร้ายแรง บริษัทจึงมุ่งมั่นที่จะรีไซเคิลสิ่งทอในระดับอุตสาหกรรม (at scale) เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน

หัวใจของเทคโนโลยี Upcycling ทางเคมี

นวัตกรรมหลักกระบวนการ Upcycling ทางเคมี ที่สามารถจัดการกับความซับซ้อนของเสื้อผ้าสำเร็จรูปได้อย่างเหนือกว่าวิธีการรีไซเคิลเชิงกล (Mechanical Recycling) แบบดั้งเดิม เทคโนโลยีนี้สามารถแปรรูป

• ผ้าใยผสม (Blends): เช่น โพลีเอสเตอร์ผสม ที่เดิมแยกเส้นใยยาก
• สิ่งแปลกปลอมในชุด: เช่น กระดุมและซิป โดยไม่ต้องเสียเวลาคัดแยกก่อนเข้ากระบวนการ

ขจัดอุปสรรค "Green Premium"

ความโดดเด่นที่สำคัญที่สุดของ MicroCycle คือความสามารถในการ ลดต้นทุนการรีไซเคิลลงอย่างมีนัยสำคัญ จนทำให้ผลิตภัณฑ์โพลีเอสเตอร์รีไซเคิลที่ได้มี ราคาเทียบเท่ากับวัตถุดิบใหม่ (Price Parity) ซึ่งเป็นการขจัดอุปสรรคทางเศรษฐกิจที่เรียกว่า "Green Premium" (ต้นทุนที่สูงขึ้นสำหรับสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม) ที่แบรนด์แฟชั่นส่วนใหญ่ไม่ต้องการจ่าย ทำให้เกิดแรงจูงใจทางเศรษฐกิจให้เกิดการยอมรับในวงกว้าง

2. โมเดลธุรกิจและการรุกตลาดเอเชีย

โมเดลธุรกิจของ MicroCycle คือการสร้างรายได้จากการเป็นผู้ให้บริการรีไซเคิลครบวงจร โดยเริ่มตั้งแต่การ จัดหาวัตถุดิบ(รับซื้อขยะสิ่งทอจากผู้รวบรวมขยะ) นำมา แปรรูป ด้วยเทคโนโลยี Upcycling และ จำหน่ายผลิตภัณฑ์ (วัสดุรีไซเคิล) กลับคืนสู่อุตสาหกรรมสิ่งทออีกครั้ง

ความต้องการจากฐานลูกค้า

แม้ว่าลูกค้าหลักของ MicroCycle (Economic Buyers) ซึ่งเป็นแบรนด์แฟชั่นและสิ่งทอส่วนใหญ่จะมีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกาและยุโรป แต่ กว่า 80% ของฐานการผลิตของลูกค้าเหล่านี้ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชีย ทำให้เกิดความต้องการอย่างสูงจากลูกค้าให้ MicroCycle ขยายการผลิตมายังภูมิภาคนี้ เพื่อให้สามารถทดสอบและนำวัสดุรีไซเคิลไปใช้ในห่วงโซ่อุปทานท้องถิ่นได้โดยตรง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้บริษัทเร่งแผนการขยายธุรกิจสู่เอเชีย

3. ยุทธศาสตร์และโอกาสทองของประเทศไทย

การลงทุนและการสนับสนุนเชิงกลยุทธ์จาก Volta Circle ซึ่งเป็นผู้ลงทุนหลักในรอบ Seed Round มูลค่า 6.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้ตอกย้ำให้ประเทศไทยกลายเป็น "ภูมิภาคสำคัญ" (Prime Region) สำหรับการตั้งฐานการผลิตแห่งแรกในเอเชีย

การฟื้นฟู "อุตสาหกรรมขาลง" ของไทย

MicroCycle ตระหนักดีว่าอุตสาหกรรมสิ่งทอของไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายจาก ต้นทุนแรงงานที่สูง เมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาค การนำเทคโนโลยีของ MicroCycle เข้ามาจึงเป็นทางออกที่สำคัญในการ

• เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน: ด้วยกระบวนการรีไซเคิลที่เป็น ระบบอัตโนมัติ (Automated) ซึ่งช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน โดยเฉพาะค่าแรงงาน ทำให้ผู้ผลิตในไทยสามารถผลิตสินค้าที่ยังคงความยั่งยืนในราคาที่แข่งขันได้
• สร้างแหล่งวัตถุดิบใหม่ในประเทศ: การตั้งโรงงานรีไซเคิลในไทยจะเปลี่ยน ขยะสิ่งทอ ที่เดิมเป็นภาระของประเทศ ให้กลายเป็น วัตถุดิบหมุนเวียนคุณภาพสูง ลดการพึ่งพาการนำเข้า และสร้างความยืดหยุ่น (Resiliency) ให้กับห่วงโซ่อุปทาน
• สร้างงานใหม่: แม้จะเป็นระบบอัตโนมัติสูง แต่การตั้งโรงงานอุตสาหกรรมแห่งแรกนี้คาดว่าจะสามารถ สร้างงานได้หลายสิบตำแหน่ง ในสายงานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและการจัดการเศรษฐกิจหมุนเวียน

MicroCycle ไม่ได้มองแค่การรีไซเคิล แต่คือการ ขับเคลื่อนนโยบาย ผ่านการนำเสนอโซลูชันที่เป็นไปได้จริง ซึ่งเป็นการตอกย้ำปรัชญาสำคัญที่ว่า "คุณไม่สามารถเขียนนโยบายบังคับให้คนรีไซเคิลได้ หากยังไม่มีโซลูชันรองรับ" และเทคโนโลยีของ MicroCycle คือกุญแจสำคัญที่จะปลดล็อกประตูบานนี้