ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น จับตาจากสต็อกสหรัฐ แนวโน้มอุปทาน

ราคาน้ำมันดิบขยับสูงขึ้น หลังจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐ นักลงทุนให้ความสนใจกับแนวโน้มอุปทานในตลาด โอเปกพลัสยังคงเดินหน้าเพิ่มการผลิต การผลิตของสหรัฐขยายตัว

บลูมเบิร์ก รายงานราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น หลังจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่มีการผสมผสานกัน โดยนักลงทุนให้ความสนใจกับแนวโน้มอุปทานในตลาด ขณะที่กลุ่มโอเปกพลัสยังคงเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตและการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ขยายตัว

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์สูงขึ้นสู่ระดับ 66 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังจากปิดตลาดในวันอังคารเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย

โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต (WTI) สูงกว่า 62 ดอลลาร์สหรัฐฯ สถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา (API) รายงานว่าปริมาณน้ำมันดิบที่ศูนย์กลางการผลิตน้ำมันคุชชิง รัฐโอคลาโฮมา ลดลง 1.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว รวมถึงปริมาณน้ำมันเบนซินที่ลดลง คาดว่าปริมาณน้ำมันดิบที่ถือครองทั่วประเทศจะเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะยังคงอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดตามฤดูกาล

ราคาน้ำมันดิบยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันจากการคาดการณ์ว่าจะมีอุปทานส่วนเกินในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก (โอเปก) และพันธมิตรกำลังเร่งเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด ในขณะเดียวกัน การคาดการณ์อย่างเป็นทางการในสหรัฐฯ ชี้ให้เห็นว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบภายในประเทศจะเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากอุปทานนอกชายฝั่งที่เพิ่มขึ้น

ในขณะเดียวกัน การโจมตีด้วยโดรนรอบล่าสุดของยูเครนต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันของรัสเซีย ได้ส่งผลให้การกลั่นน้ำมันภายในประเทศลดลงและนำไปสู่การส่งออกน้ำมันดิบที่พุ่งสูงขึ้น การไหลเวียนของน้ำมันดิบที่ยังไม่ได้แปรรูปยังคงใกล้เคียงกับระดับสูงสุดในรอบ 16 เดือนในช่วงสี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ตามข้อมูลการติดตามเรือที่สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ตรวจสอบ

“จนกว่าตลาดสินค้าจริงจะแสดงสัญญาณการอ่อนตัวลงจากปริมาณน้ำมันคงคลังที่เพิ่มขึ้น นักลงทุนมีแนวโน้มที่จะลดความสำคัญของผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของการผลิต” นักวิเคราะห์ของ ANZ Group Holdings รวมถึง แดเนียล ไฮน์ส กล่าวในบันทึก