เปิดไทม์ไลน์ ‘ทีมไทยแลนด์’ เจรจาภาษีทรัมป์ 7 เดือนเต็ม ก่อนปิดดีล 19%

เปิดไทม์ไลน์ ‘ทีมไทยแลนด์’ เจรจาภาษีทรัมป์ 7 เดือนเต็ม ก่อนปิดดีล 19%

ย้อนไทม์ไลน์ “ทีมไทยแลนด์" ใช้เวลากว่า 7 เดือน เจรจาอัตราภาษี Reciprocal Tariffs ที่สหรัฐประกาศจะเก็บจากไทยในอัตราเริ่มต้น 36% การเจรจาเผชิญความท้าทายหลายด้าน รวมถึงการที่ทรัมป์ยื่นเงื่อนไขให้ไทย-กัมพูชายุติการสู้รบก่อน จึงจะกลับสู่โต๊ะเจรจาการค้า

KEY

POINTS

  • "ทีมไทยแลนด์" ใช้เวลากว่า 7 เดือน เจรจาอัตราภาษี Reciprocal Tariffs ที่สหรัฐประกาศจะเก็บจากไทยในอัตราเริ่มต้น 36%
  • การเจรจาเผชิญความท้าทายหลายด้าน รวมถึงการที่ทรัมป์ยื่นเงื่อนไขให้ไทย-กัมพูชายุติการสู้รบก่อน จึงจะกลับสู่โต๊ะเจรจาการค้า
  • ในที่สุด ทีมไทยแลนด์สามารถบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐ ได้สำเร็จ โดยลดอัตราภาษีลงมาเหลือ 19% ซึ่งเป็นอัตราที่ช่วยให้ไทยยังคงสามารถแข่งขันในภูมิภาคได้

ถือเป็นข่าวดีของประเทศไทยซึ่งในที่สุดได้บรรลุข้อตกลงภาษี Reciprocal Tariffs กับสหรัฐ หลังจากการที่ประกาศอัตราภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดิสหรัฐ สร้างความปั่นป่วนครั้งใหม่แก่กติกาการค้าโลก ส่งผลให้ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้ส่งออกและนักลงทุน ต่างหวั่นวิตกและจับตาผลการเจรจาการค้าของทีมเจรจาไทยกันอย่างใกล้ชิด

“กรุงเทพธุรกิจ” พาย้อนไทม์ไลน์การทำงานของรัฐบาลและ “ทีมไทยแลนด์” นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการต่างประเทศ ที่ร่วมกันทำงานอย่างหนักจัดทำข้อเสนอของไทยซึ่งนำไปสู่การบรรลุข้อตกลงภาษีสหรัฐ ในอัตราที่ไทยยังสามารถแข่งขันได้ในภูมิภาค

เปิดไทม์ไลน์เจรจาภาษีทรัมป์

2 เม.ย.68 ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) 185 ประเทศ ไทยโดนเก็บที่อัตรา 36% มีผลวันที่ 9 เม.ย.668

3 เม.ย.68 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์ด่วน กำหนดแนวทาทางรับมือผลกระทบภาษีทรัมป์ จัดเตรียมข้อเสนอปรับสมดุลการค้ากับสหรัฐ

5 เม.ย.68 เปิดทีมคณะทำงานนโยบายการค้า มีกุนซือบ้านพิษณุโลก ร่วมคณะ (นายกฯ ลงนามแต่งตั้ง 6 ม.ค.68 ก่อนทรัมป์รับตำแหน่ง)

8 เม.ย.68 นายกฯ ถกทีมไทยแลนด์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกมาตรการรับมือเน้นประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน หลักการวิน-วิน ทั้งสองฝ่าย

9 เม.ย.68 โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศเลื่อนจัดเก็บภาษี Reciprocal Tariffs ชั่วคราวออกไป 90 วัน กำหนดเส้นตายใหม่วันที่ 9 ก.ค.68 

17-23 เม.ย.68 ทีมไทยแลนด์ นำโดย 2 “พิชัย” ได้แก่ พิชัย ชุณหวชิร และพิชัย นริพทะพันธุ์ บินตรงสหรัฐ หารือภาษีร่วมกับผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) 

นำเสนอ 5 มาตรการในการเจรจา

1.การสร้างความเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจ

2.การเปิดตลาดและลดภาษี

3.การเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ

4.การตรวจสอบมาาตรการป้องกันการสวมสิทธิ์จากประเทศที่ 3 

5.การส่งเสริมการลงทุนไทยในสหรัฐ

29 เม.ย.68 นายกฯ สั่งการทุกหน่วยงานเตรียมข้อมูลหลังอาเซียนเห็นพ้องผนึกกำลังร่วมหาจุดเด่นต่อรองทรัมป์

3 ก.ค.68 พิชัย ชุณหวชิร หัวหน้าทีมไทยแลนด์บินด่วนหารือ USTR เป็นทางการครั้งแรก ถกภาษีทรัมป์ ชูแนวทางวิน-วิน ได้ประโยชน์ทั้งไทย-สหรัฐ

8 ก.ค.68 "โดนัลด์ ทรัมป์" ส่งจดหมายถึงไทย เรียกเก็บภาษีอัตรา 36% โดยยืดเวลามีผลบังคับใช้วันที่ 1 ส.ค. 68 จากเดิม 9 ก.ค.68

11 ก.ค.68 ประชุมทีมไทยแลนด์ ร่วมกับ กุนซือบ้านพิษณุโลก ”พิชัย“ เชิญ ”ดร.ทักษิณ”​ ให้คำแนะนำแผนรับมือภาษีทรัมป์ มั่นใจปิดดีลทันเส้นตาย 1 ส.ค. และอัตราภาษีไม่เกิน 20%

26 ก.ค.68 ”ทรัมป์” โทรสายตรงถึง “ภูมิธรรม” รักษาราชการแทนนายกฯ กดดันผู้นำไทย-กัมพูชา ยุติการสู้รบ หากไม่หยุดยิงจะไม่ทำข้อตกลงการค้าใดๆ กับทั้ง 2 ประเทศ

28 ก.ค.68 “ภูมิธรรม”-“ฮุน มาเนต” เผชิญหน้าบนโต๊ะเจรจาที่มาเลเซีย โดยมีนายกฯ มาเลเซีย ประธานอาเซียน เป็นผู้ประสานงาน พร้อมด้วยตัวแทนสหรัฐและจีนร่วมไกล่เกลี่ย โดย  2 ประเทศบรรลุข้อตกลงหยุดยิงทันที “ทรัมป์” ยินดีกลับสู่โต๊ะเจรจาภาษี

29 ก.ค.68 “พิชัย” หัวหน้าทีมไทยแลนด์ ยืนยันเจรจาภาษีทรัมป์ต่อเนื่องหลังบรรลุข้อตกลงหยุดยิงตามข้อเสนอของทรัมป์

30 ก.ค.68 ทีมไทยแลนด์ปรับแก้และยื่นข้อเสนอรอบสุดท้าย ก่อนถึงเส้นตายวันที่ 1 ส.ค.

1 ส.ค.68 ทำเนียบขาวประกาศเก็บภาษี Reciprocal Tariff ไทย ที่อัตรา 19% เทียบเคียงประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ลดความร้อนแรงการแข่งขันด้านภาษี

 

นายพิชัย เปิดเผยเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 1 ส.ค. ระบุว่า การประกาศ Tariff rate ที่ 19% สะท้อนถึงมิตรภาพ และความเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้นระหว่างไทย-สหรัฐ

ช่วยให้ไทยยังคงแข่งขันได้ในเวทีโลก สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน และเปิดประตูสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจ รายได้ และโอกาสใหม่ๆ ให้กับประเทศไทย

การทำงานยังไม่สิ้นสุด รัฐบาลตระหนักถึงผลกระทบต่อผู้ประกอบการ และพี่น้องเกษตรกร จึงได้จัดเตรียมมาตรการรองรับอย่างรอบด้าน ทั้งงบประมาณ Soft Loan เงินอุดหนุน มาตรการภาษี และการปฏิรูปกฎระเบียบที่จำเป็น เพื่อยกระดับให้ไทยสามารถปรับตัว และก้าวสู่โลกเศรษฐกิจในอนาคตได้อย่างมั่นใจ

ผลการเจรจาครั้งนี้เป็นสัญญาณให้ประเทศไทยต้องเร่งปรับตัว เดินหน้าสร้างเศรษฐกิจที่มั่นคง แข็งแกร่ง และพร้อมรับมือกับความท้าทายของโลกในอนาคต

"ขอบคุณทีมไทยแลนด์สำหรับความทุ่มเท และความพยายามอย่างเต็มที่ในสถานการณ์ที่ยากจะควบคุม แต่เรายังมีภารกิจอีกมากที่ต้องสู้ต่อไป เพื่อประเทศไทยของพวกเราทุกคน"นายพิชัย กล่าว