เปิดแผน ‘การบินไทย’ จัดหาโบอิง ชงรัฐบาลหนุนเพิ่มนำเข้าสหรัฐ

การประกาศจัดเก็บภาษีจากทั่วโลกเมื่อวันที่ 2 เม.ย.2568 ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ สร้างความกังวลให้กับทั่วโลกถึงผลกระทบต่อการค้าโลกที่มีความเสี่ยงหดตัวลง รวมถึงปัญหาอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐหลังจากที่ราคาสินค้านำเข้าเพิ่มสูงขึ้นตามอัตราภาษี

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้จัดตั้งคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐ ซึ่งมีนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน โดยได้ทำงานร่วมกับส่วนราชการ และภาคเอกชนมาตั้งแต่เดือนม.ค.2568 เพื่อกำหนดแนวทางการเจรจากับสหรัฐ 

ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งของแผนรับมือครั้งนี้จะเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเพื่อลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐ โดยสินค้าหลายกลุ่มถูกยกขึ้นมาเพื่อเป็นแนวทางให้รัฐบาลนำไปพิจารณา ซึ่งมีการระบุถึงสินค้าเกษตรที่ไทยจำเป็นต้องนำเข้าให้เปลี่ยนมานำเข้าจากสหรัฐถึงแม้ว่าจะมีราคาสูงขึ้น เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วเหลือง

นอกจากนี้มีการพิจารณาถึงสินค้าในกลุ่มพลังงาน เช่น อีเทน ซึ่งกลุ่ม ปตท.มีแผนนำเข้าจากสหรัฐ 400,000 ตัน รวมทั้งมีการพิจารณาถึงการจัดหาเครื่องบินของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่มีแผนเพิ่มเครื่องบินโบอิงเข้ามาฝูงบิน

นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ขณะนี้การบินไทยได้หารือร่วมกับรัฐบาลพร้อมให้ข้อมูลการทำสัญญาจัดหาเครื่องบิน และเครื่องยนต์ ร่วมกับบริษัท โบอิง และ บริษัท จีอี แอโรสเปซ 

โดยเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องยนต์อากาศยาน และยุทโธปกรณ์ มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ชิคาโก รัฐอิลลินอย สหรัฐอเมริกา และนับเป็นออร์เดอร์การจัดหาเครื่องบินใหม่ที่จะช่วยเพิ่มดุลการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐ 

อย่างไรก็ดี สัญญาการจัดหาเครื่องบินใหม่นี้ การบินไทยต้องการจัดหาเครื่องบินแบบลำตัวกว้างพิสัยกลาง และไกลพร้อมเครื่องยนต์ รวมจำนวน 80 ลำ แบ่งเป็น 

1.สัญญาที่ตกลงทำออร์เดอร์จัดหาแล้วจำนวน 45 ลำ กับบริษัท โบอิง และ บริษัท จีอี แอโรสเปซ ซึ่งส่วนนี้การบินไทยได้วางเงินมัดจำไปแล้ว และจะทยอยจ่ายส่วนที่เหลือเมื่อมีการรับมอบเครื่องบินเริ่มในปี 2570 

2.ข้อตกลงมีสิทธิในการจัดหาเพิ่มเติม (Option Order) อีก 35 ลำ โดยข้อตกลงการจัดหาเครื่องบินจำนวนหลังนี้ยังมีสิทธิในการเปลี่ยนแปลงคำสั่งซื้อ ประเภทรุ่นอากาศยาน ซึ่งเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับอำนาจบอร์ดชุดใหม่ด้วย

“การบินไทยได้ให้ข้อมูลกับรัฐบาลไปแล้วว่ามีการทำสัญญาจัดหาเครื่องบินและเครื่องยนต์กับโบอิง ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติสหรัฐ โดยมีการชำระเงินมัดจำไปแล้ว และหลังจากนี้ก็จะทยอยจ่ายส่วนที่เหลืออีก" นายชาย กล่าว

ดังนั้นจะเป็นส่วนช่วยเพิ่มดุลการค้าได้ ส่วนออร์เดอร์อีก 35 ลำ ก็เป็นเรื่องของอนาคตที่ยังสามารถจัดหาเพิ่มเติมได้อีก ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การบิน ความจำเป็น และความสามารถในการผลิตของโบอิง

รายงานข่าวจากการบินไทย ระบุว่า ในปี 2568 การบินไทยมีแผนเพิ่มรายได้ต่อเนื่อง โดยจะรับมอบเครื่องบินเพิ่มเติมจำนวน 9 ลำ จากปัจจุบันที่มีอยู่จำนวน 79 ลำ โดยจะรับมอบแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 ปี 2568 ประกอบด้วย แอร์บัส A330 จำนวน 7 ลำ แอร์บัส A321 จำนวน 1 ลำ และแอร์บัส A330-300 จำนวน 1 ลำ

ทั้งนี้ เมื่อมีการรับมอบเครื่องบินเหล่านี้บริษัทจะนำไปเพิ่มความถี่จุดบินที่มีศักยภาพ เช่นจีน อินเดีย ญี่ปุ่น และเยอรมนี เพื่อทำให้ภาพรวมผู้โดยสารปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 16.5 ล้านคน จากปี 2567 ที่มีจำนวน 16 ล้านคน

นอกจากนี้ การบินไทยได้มีการเช่าเครื่องบินมาให้บริการชั่วคราว เพื่อรองรับเส้นทางที่ดีมานด์สูง อาทิ เมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น , กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย และเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย โดยเป็นเครื่องบินจากสายการบิน Virgin Atlantic เดิม เก้าอี้บิสซิเนสปรับนอนได้ โดยลูกเรือเป็นคนปรับให้ ซึ่งเครื่องบินใหม่ที่การบินไทยจัดหายังคงจัดที่นั่ง และบริการเหมือนเดิม

รวมทั้ง ที่ผ่านมาการบินไทยได้กำหนดเป้าหมายลดแบบเครื่องบินเหลือ 4 แบบ จากช่วงก่อนเกิดโควิด-19 การบินไทยมีฝูงบิน 8 แบบรวม 103 ลำ ส่งผลให้ต้องแบกรับต้นทุนค่าซ่อม และอะไหล่ที่หลากหลายโดย 

ขณะนี้ได้ทำการปรับลดฝูงบินเหลือ 6 แบบรวม 79 ลำ และจะทยอยปรับลดต่อเนื่องในปี 2572 คาดเหลือ 5 แบบรวม 143 ลำ และท้ายที่สุดในปี 2576 จะเหลือ 4 แบบ รวม 150 ลำ

สำหรับปลายทางของการปรับปรุงฝูงบินของการบินไทยในปี 2576 จะมีฝูงบิน รวม 150 ลำ แบ่งเป็นเครื่องบินลำตัวกว้าง 98 ลำ และลำตัวแคบ 52 ลำ โดยมีประเภทเครื่องบินประกอบด้วย

1.โบอิง B777-300 ER จำนวน 15 ลำ 2.แอร์บัส A350 จำนวน 17 ลำ 3.โบอิงตระกูล B787 จำนวน 66 ลำ 4.แอร์บัส A320/A321 NEO จำนวน 52 ลำ

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์