งบโฆษณากระเตื้อง 5% สินค้าจำเป็นคึก ทุ่มงบสื่อสารการตลาด

นีลเส็น รายงานงบโฆษณา ประจำเดือนพฤษภาคม 2566 มีเม็ดเงินสะพัด 10,088 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% และถือเป็นสัญญาณบวก เมื่อเทียบกับเดือนเมษายนที่ผ่านมา ภาพรวมอุตสาหกรรมยังอยู่ในแดนลบ 2% สื่อหลายหมวดยังคงไม่ฟื้นตัว

ทั้งนี้ เมื่อแยกประเภทสื่อที่โกยเม็ดเงินโฆษณาในเดือนพฤษภาคม ทีวียังคงเป็นอันดับ 1 เงินสะพัด 5,654 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.4% สื่อนอกบ้านและสื่อเคลื่อนที่ 1,350 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% วิทยุ 310 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% สื่อในโรงภาพยนตร์ 189 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% แม้หมวดดังกล่าวจะมีการปรับราคาโฆษณาที่ยังไม่มีส่วนลดหรือ rate card ลดลงตั้งแต่ต้นปีก็ตาม และสื่ออินเตอร์เน็ต 2,290 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6%

โดยมีเพียง 2 สื่อที่ยังเผชิญความท้าทายของเม็ดเงินโฆษณา “ขาลง” คือสิ่งพิมพ์ 228 ล้านบาท หดตัว 13% และเป็นการหดตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเมษายนที่ผ่านมา เม็ดเงินลดลง 10% ส่วนสื่อในห้างมูลค่า 67 ล้านบาท ลดลง 15% หดตัวมากขึ้นเช่นกัน โดยเดือนเมษายน เงินโฆษณาลดลง 8%

ด้านหมวดหมู่สินค้าที่ยังคงใช้จ่ายสูงสุด 10 อันดับแรก เป็นดังนี้ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มมูลค่า 1,730 ล้านบาท สินค้าเครื่องใช้ส่วนบุคคลและเครื่องสำอาง 1,394 ล้านบาท ค้าปลีกและร้านอาหาร 823 ล้านบาท สื่อและการตลาด 453 ล้านบาท เวชภัณฑ์ยา 414 ล้านบาท สินค้าเครื่องใช้ในครัวเรือน 403 ล้านบาท การเงิน 382 ล้านบาท ยานยนต์ 318 ล้านบาท ภาครัฐ 263 ล้านบาท และเครื่องใช้ไฟฟ้า 258 ล้านบาท

ในส่วนนี้ มีกลุ่มสินค้าที่รัดเข็มขัด ประหยัดงบโฆษณา เพราะใช้เงินลดลงจากเดือนเมษายน ได้แก่ สินค้าเครื่องใช้ส่วนบุคคลและเครื่องสำอาง ค้าปลีกและร้านอาหาร และเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยกลุ่มที่ใช้เงินเพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจ ได้แก่ สินค้าจำเป็นที่ใช้ในครัวเรือน เดือนก่อนใช้เพียง 276 ล้านบาท เดือนพฤษภาคม ใช้เพิ่มเป็น 403 ล้านบาท ภาครัฐใช้งบโฆษณาเพิ่มขึ้น 59 ล้านบาท และกลุ่มการเกษตรมูลค่า 137 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสูงสุด 47% เป็นต้น

ขณะที่ 10 บริษัททุ่มงบโฆษณาสูงสุด ยังคงเป็น ยูนิลีเวอร์ มูลค่า 528 ล้านบาท และมากกว่าเดือนเมษายนที่ใช้จ่าย 495 ล้านบาท ตามด้วย เนสท์เล่ 235 ล้านบาท ไบเออร์สด๊อรฟ 148 ล้านบาท พรอคเตอร์แอนด์แเกมเบิล(พีแอนด์จี) 138 ล้านบาท แมส มาร์เก็ตติ้ง 134 ล้านบาท ลอรีอัล 126 ล้านบาท เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ 120 ล้านบาท โมโนช้อปปิ้ง 108 ล้านบาท จีเอ็มเอ็ม ซีเจ โอช้อปปิ้ง108 ล้านบาท และคอลเกต-ปาล์มโอลีฟ 107 ล้านบาท 

ส่วนแคมเปญที่ใช้เงินมากสุด คือผลิตภัณฑ์นมถั่วเหลืองแลคตาซอย 48 ล้านบาท เนื่องจากเป็นช่วงที่บริษัทมีการปรับขึ้นราคาสินค้าขึ้น  ส่งผลให้บริษัทต้องมีการปรับเปลี่ยนเพลง พร้อมทำสื่อสารการตลาดใหม่ จากแลคตาซอย 5 บาท 125 มิลลิลิตร ปริมาณคับกล่อง ฯ มาใช้ศิลปิน Paper Planes ทำเพลงและสร้างการรับรู้ใหม่