หากวันนี้จะย่อบ้างก็ไม่แปลก ยังคงมุมมองที่ดีต่อตลาดช่วงปลายเดือน

ซึ่งหากติดลบจะส่งสัญญาณถึงความเสี่ยงของเศรษฐกิจถดถอยและเป็นลบต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เรายังคงจับตาสัญญาณดังกล่าว อย่างไรก็ตามเรามองผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 2 ปี ที่ปรับขึ้นจาก 0.2% ในปีก่อนมาสู่ 1.93% สะท้อนการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ไปแล้วถึง 7 ครั้ง (ครั้งละ 0.25%) ทำให้ในระยะสั้น มีโอกาสที่ผลตอบแทนพันธบัตรดังกล่าวจะปรับลงได้มากกว่าขึ้น ซึ่งจะช่วยทำให้บรรยากาศลงทุนในระยะต่อไปผ่อนคลายมากขึ้น และเราประเมินจะเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนตลาดฟื้นตัวในช่วง 1 เดือนข้างหน้า 
 

“Window dressing หุ้นที่ลงเยอะน่าสนใจกว่าหุ้นที่งบดี ด้วยปัจจัยบวกจาก 1) ตลาดตอบรับการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดไปแล้ว 2) ทางการจีนเริ่มดูแลเสถียรภาพของตลาดทุน 3) บนสมมติฐานว่าภาวะสงครามยังไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือยกระดับคู่ขัดแย้งจากรัสเซียไปเป็นนาโต้ เรามองหุ้นที่ปรับลดลงมาก (ไม่ว่าจะเพราะต้นทุนพลังงานหรือกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์) อยู่ในจุดที่มีผลตอบแทนต่อความเสี่ยงที่น่าสนใจ และมีโอกาสเป็นเป้าหมายของ Window dressing ปลายมี.ค. ซึ่งได้แก่หุ้น SCC, PTTGC, BGRIM, GPSC, TASCO, AAV, EPG, SCGP, SFT, HANA, KCE, RBF, KEX, SYNEX, RS, VGI, EPG, MEGA, CBG (ทางกลยุทธ์เน้นเก็งกำไรแค่ไม่เกินสิ้นมี.ค.นี้)

 

 

การฟื้นตัวในรอบนี้ (ช่วงปลายมี.ค.) น่าแบ่งขายทำกำไรหุ้นธนาคาร แม้วัฎจักรของดอกเบี้ยขาขึ้นกำลังเกิดขึ้น และหุ้นธนาคารโดยรวมยังมี valuation ที่น่าสนใจในระยะยาว แต่มุมมองทางกลยุทธ์ระยะสั้น ประเมินการฟื้นตัวของหุ้นธนาคารในระยะสั้นน่าแบ่งขายทำกำไรหรือลดน้ำหนักการลงทุนลง เนื่องจาก 1) ผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับลดลงจะกดดันให้เกิดแรงขายทำกำไรกลุ่มธนาคาร 2) ผลประกอบการไตรมาส 1/65 มีแนวโน้มชะลอจากผลกระทบของโอไมครอน

ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มพลังงาน PTTEP, BANPU, TOP (เน้นโรงกลั่น) 2) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เป็นกลุ่มที่มักจะเคลื่อนไหวได้ดีในภาวะเงินเฟ้อ อีกทั้ง valuation ต่ำ และปันผลสูง ทำให้มีโอกาสเห็นการฟื้นตัวของ LH, SPALI, AP, SC, ASW 3) กลุ่มบันเทิง งบโฆษณาที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ บวกต่อ ONEE, BEC, WORK, MONO 4) หุ้นเก็งกำไรทางเทคนิค อาทิ WFX, CV, UBE, RAM, IND, MAKRO, CPALL, JAS, BCP, AJ, PTL, PJW, III, TNP 5) กลุ่มอาหารและเกษตร CPF, TU, GFPT, KSL 6) ค่าระวางเรือ PSL, TTA 7) น้ำมันลง SCC, PTTGC, BGRIM, GPSC, TASCO, AAV, EPG, SCGP, SFT

ภาพรวมกลยุทธ์: อาจมีแรงทำกำไรสลับแต่ไม่น่ากลัว การเก็งกำไรยังมองหุ้นที่ลงเยอะน่าสนใจกว่าหุ้นงบดี การย่อลงมา 1,668 จุด เป็นโอกาสเข้าเก็งกำไรสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าซื้อ //หุ้นแนะนำ: BGRIM*, ICHI*, TRUE*, TOP*

แนวรับ: 1,668 / แนวต้าน : 1,692-1,700 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

 

 

ประเด็นการลงทุน

ปรับขึ้นค่า Ft – กกพ.ปรับเพิ่มค่า Ft งวด พ.ค.-ส.ค.65 ที่ 23.38 สต./หน่วย มากกว่าที่เราและตลาดคาดที่ 16.27 สต./หน่วย ซึ่งจะส่งผลบวกทางจิตวิทยาโดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักจากต้นทุนค่าก๊าซ อาทิ BGRIM GPSC

ส.อ.ท. ชงรัฐเปิดประเทศ - ส.อ.ท.เตรียมเสนอต่อที่ประชุม ศบศ.ในวันนี้เพื่อพิจารณามาตรการในการเปิดประเทศ เช่น ยกเลิกมาตรการ Test & Go รวมทั้ง การกักตัวและการตรวจหาเชื้อ COVID-19 ด้วยวิธี RT-PCR โดยปรับมาให้ผู้เดินทางเข้าประเทศแสดงวัคซีนพาสปอร์ต หรือหลักฐานการฉีดวิคซีน 2 เข็ม ก่อนเข้าประเทศเท่านั้น คาดสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 6 แสนล้านถึง 1 ล้านล้านบาท

CPN - เตรียมเปิดโครงการ "เซ็นทรัล จันทบุรี" ในวันที่ 26 พ.ค.65 ประกอบด้วยศูนย์การค้ารูปแบบ Semi-outdoor, คอนเวนชั่นฮอลล์, คอนโดมิเนียมและที่พักอาศัย และโรงแรม ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพดีที่สุดใจกลางเมือง พร้อมรองรับการขยายตัวด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

AAV - คาดว่าในปี 66 บริษัทจะกลับมามีกำไร ขณะที่ในปี 65 นี้บริษัทยังขาดทุนอยู่แต่จะลดลง ตั้งแต่มี.ค.นี้จะกลับมาทยอยบิน รวม 7 ประเทศ ทั้งหมด 18 เส้นทาง

Opportunity day- 18 มี.ค. SPCG, S, ACE, PRM, HTC, ADD / 21 มี.ค. ARROW, KUMWEL, TRT, TMILL, PORT, SMT, BEYONF / 22 มี.ค. ZIGA, MSC, TSR, SSP, WP, SAPPE, DUSIT

หุ้นที่มีโอกาสติด Cash balance – ในรอบนี้ ได้แก่ PROEN, TVT และ BKD-W2

 

ประเด็นติดตาม: 23 มี.ค. – TH Export, การปรับหุ้นตามดัชนี FTSE 

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)