โบรกคัด 18 หุ้นเด่นน่าลงทุนเดือน ก.พ.65 มั่นใจดัชนีทะลุ 1,700 จุด

โบรกคัด 18 หุ้นเด่นน่าลงทุนเดือน ก.พ.65 มั่นใจดัชนีทะลุ 1,700 จุด

โบรก ประสานเสียง “หุ้นไทย” เดือน ก.พ.65 สดใส หลังตอบรับปัจจัยลบเฟดขึ้นดอกเบี้ย-ลดวงเงินคิวอีไปมากแล้ว คาดฟันด์โฟลว์ไหลเข้าต่อเนื่องหลังเดือน ม.ค. ซื้อสุทธิสูงสุดในภูมิภาค 1.4 หมื่นล้าน เหตุ ปีนี้เศรษฐกิจ-กำไรบจ. โตกว่าค่าเฉลี่ยตลาดหุ้นพัฒนา

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเดือน ก.พ. คาดว่าดัชนี จะแกว่งตัว (ไซด์เวย์) และมีโอกาสปรับขึ้นได้ จากปัจจัยหนุนที่คาดว่านักลงทุนจะคลายความกังวลเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ภายหลังตลาดหุ้นซึมซับปัจจัยลบดังกล่าวไปมากแล้วในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกจากการประกาศกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) งวดไตรมาส 4 ปี 2564 ที่มีแนวโน้มออกมาดี และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่แนวรับ 1,620 จุด และแนวต้าน 1,700 จุด อย่างไรก็ตาม ระหว่างทางหากมีปัจจัยลบที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย ประเมินแนวรับที่ 1,595 จุด

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนเดือน ก.พ. แนะนำหุ้นพื้นฐานแกร่งในดัชนี SET50 เป็นหลัก เพราะมูลค่า (Valuation) ยังอยู่ในระดับที่ไม่แพง หรือราคายังปรับขึ้นได้ไม่มาก ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) และ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) ส่วนหุ้นขนาดกลางถึงเล็ก แนะนำ บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) และ บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER)

ขณะที่กระแสเงินลงทุน (ฟันด์โฟลว์) ของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาซื้อสุทธิหุ้นไทยกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท ในเดือน ม.ค. สูงสุดในภูมิภาคนั้น นายชาญชัย กล่าวว่า มีโอกาสที่ฟันด์โฟลว์จะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องในเดือน ก.พ. โดยมีปัจจัยหนุนจากคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (EMs) รวมถึงไทยปี 2565 ที่ดีกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ถัดมา คือ คาดการณ์กำไร บจ.ปีนี้ที่คาดว่าเติบโต 11% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของ บจ.ในตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้วที่เติบโตต่ำกว่า 10%

หุ้นเด่น ก.พ.2565

ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น (Price Performance) ที่ยังปรับขึ้นได้ช้า (แลกการ์ด) โดยปรับขึ้นเพียง 5% ก่อนโควิด-19 ขณะที่ตลาดหุ้นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วปรับขึ้นมากกว่า 10% และสุดท้าย คือ ธีมการลงทุนปี 2565 ที่ตลาดหุ้นทั่วโลกย้ายกลุ่มลงทุนมายังกลุ่มหุ้นคุณค่า (Value Play) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีน้ำหนักค่อนข้างสูงในตลาดหุ้นไทย อาทิ กลุ่มพลังงาน กลุ่มธนาคาร และกลุ่มค้าปลีก ฯลฯ

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า คาดการณ์บรรยากาศ (เซนติเมนต์) การลงทุนในตลาดหุ้นไทยเดือน ก.พ.จะสดใสกว่าเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวที่แนวรับ 1,620-1,637 จุด และแนวต้าน 1,680-1,740 จุด ภายหลังตลาดรับรู้ปัจจัยลบจากที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยและปรับลดวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) ไปแล้วในเดือนแรกของปีนี้

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกภายในประเทศจากการประกาศผลประกอบการของ บจ.ไตรมาส 4 ปี 2564 ที่คาดว่าจะดีขึ้นเมื่อเทียบไตรมาส 3 ปี 2564 ซึ่งถูกกระทบจากโควิด-19 รวมถึงฟันด์โฟลว์ที่มีแนวโน้มไหลเข้าต่อเนื่อง เพราะคาดการณ์เศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจกลุ่มประเทศอาเซียนปี 2565-2566 มีแนวโน้มดีกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว จูงใจนักลงทุนต่างชาติ

ขณะที่การลงทุน แนะนำหุ้นที่ถูกกระทบจากโควิด-19 แต่มีโอกาสฟื้นตัวในระยะข้างหน้า ได้แก่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และ BBL กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) (AP) บมจ.ศุภาลัย (SPALI) บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) และ LH และกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) บมจ.บ้านปู (BANPU) และ บมจ.​อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL)

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า SET Index เดือน ก.พ.มีแนวโน้มแกว่งไซด์เวย์ถึงแกว่งขึ้น หลังจากครึ่งหลังเดือน ม.ค.พักฐานลงค่อนข้างแรง จากความกังวลเฟดใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัว ขณะที่ในเดือนนี้ ให้น้ำหนักการประกาศงบไตรมาส 4 ปี 2564 เป็นหลัก โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีระหว่าง 1,620-1,700 จุด

สำหรับการลงทุน แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรหุ้นที่คาดว่างบไตรมาส 4 ปี 2564 จะออกมาดี และเป็นหุ้นในกลุ่ม Value Play เพราะได้ปัจจัยหนุนจากกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายที่ไหลออกจากกลุ่มหุ้นเติบโตสูง (Growth Stock) เพราะอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) เริ่มแพง โดยหุ้นเด่นในธีมดังกล่าว แนะนำ บมจ.ปัญจวัฒนาพลาสติก (PJW) บมจ.ที.เค.เอส. เทคโนโลยี (TKS) บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) และ บมจ.จีเอฟพีที (GFPT)

นางศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข.ประเมินดัชนีหุ้นไทยจะมีแนวโน้มแกว่งไซด์เวย์ หรือจะเคลื่อนไหวระหว่าง 1,620-1,720 จุด ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 ขณะที่เป้าหมายดัชนีสิ้นปีนี้ประเมินไว้ที่ 1,820 จุด

 ทั้งนี้ กบข. ได้ตั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ได้แก่ บลจ.กสิกรไทย บลจ.กรุงศรี และ บลจ.วรรณ เพื่อบริหารกองทุนหุ้นไทยมูลค่ารวมประมาณ 7,500 ล้านบาท