Thailand Strategy (26 เม.ย.64)

Thailand Strategy (26 เม.ย.64)

กลุ่มรพ. ที่หลบภัย sell-in-May และ cov-19

ปี 2021 มีความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์ “sell-in-May” จากความถี่ในการเกิดเหตุการณ์และผลตอบแทนสะสมต้นปีถึงวันนี้อยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตามปี 2021 เป็นปีที่น่าสนใจ เนื่องจากตลาดหุ้นไทยเพิ่งฟื้นจากแรงขายในช่วงปี 2020 จำนวนผู้ติดเชื้อ covid-19 ที่เพิ่มขึ้นอาจกระทบผลตอบแทนพอร์ตนักลงทุนในตอนนี แต่ก็ช่วยลดโอกาสเกิดแรงขายในเดือน พ.ค. เราคาดว่ากลุ่มรพ. (BCH, CHG, BDMS) จะทำได้ดีในช่วงเวลาดังกล่าว

 

เหตุการณ์ “Sell-in-May” เกิดขึ้นในไทย

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2010-2019) SET ได้รับผลกระทบจาก “sell-in-May” และทำให้ผลตอบแทนรายเดือนลดลงมากถึง -1.7% โดยเฉลี่ย (ต่ำที่สุด่ใน 12 เดือน) และทำให้เกิดคำถามในกลุ่มนักลงทุนว่า ตลาดควรกังวลผลของ “sell-in-May” ไหม?

 

สาเหตุจากเหตุผล– 1) สถิติ.; 2) ผลตอบแทนที่สูงในช่วง ม.ค. - เม.ษ.

จากสถิติ กลุ่มหลักบางกลุ่มมีการปรับตัวลงตามฤดูกาลในพ.ค. – พลังงาน, ICT และ อิเลคโทรนิค ขณะที่บางกลุ่มมีผลตอบแทนสะสมในช่วงม.ค. - เม.ษ. ซึ่งทำให้มีโอกาสที่มีผลตอบแทนเป็นลบสูงในช่วงพ.ค. – ธนาคารและพาณิชย์ แต่ข้อมูลได้แสดงว่าหลายกลุ่มสามารถต้านทานแรงขายได้ในพ.ค. ได้ – ขนส่ง, อาหาร, วัสดุก่อสร้าง, โรงพยาบาล, ปิโตรเคมี, ไฟแนนซ์, สื่อ, ท่องเที่ยวและธุรกิจการเกษตร

 

2021 อาจเป็นปีพิเศษ นอกจากปี 2020

ปีนี้ SET เพิ่งฟื้นจากการขายที่รุนแรงในปี 2020 และตอนนี้ Covid-19 ระบาดเป็นครั้งที่ 3 อย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้ SET ไปอยู่ในจุดที่เฉพาะ โดยผลตอบแทน YTD ของ SET และรายกลุ่มอยู่ในระดับที่ดี (SET: +8.5%) เดือนพ.ค. อาจเป็นเดือนที่อันตรายหากแรงขายแบบตื่นตระหนกไม่สามารถดึงหุ้นไทยให้ลงได้มากพอก่อนสิ้นเดือนเม.ษ.

 

หุ้นโรงพยาบาล (BCH, CHG, BDMS) จะต้านทานผลของ “sell-in-May” ได้

เพื่อปกป้องผลตอบแทนของพอร์ตที่นักลงทุนได้สะสมตั้งแต่ต้นปี 2021 และจาก Covid-19 ในเวลาเดียวกัน เรามองการถือหุ้นในกลุ่มที่ไม่อ่อนไหวต่อ “sell-in-May” และได้ประโยชน์จากจำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 ที่สูงขึ้นจะเป็นกลยุทธ์ที่ดี  หุ้นกลุ่มรพ.เป็นกลุ่มที่โดดเด่น เราชอบ BCH, CHG และ BDMS