สมาคมฯ สก๊อตวิสกี้ เผยสูตรสร้างแบรนด์ติดตลาด กว่า 170 ปี

อุตสาหกรรมแอลกอฮอล์ของประเทศไทยเป็นตลาดมีมูลค่าสูงถึง 6-6.50 แสนล้านบาท มีทิศทางขยายตัวประมาณ 5-10% ตามแรงหนุนของนักท่องเที่ยวและภาวะเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงยังมีประเด็นการแก้ไขกฎหมายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับใหม่ ที่อาจเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญให้แก่ตลาดรวมในประเทศไทยระยะยาว

“มาร์ค เค้นท์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สมาคมสก๊อตวิสกี้ ประเทศสกอตแลนด์ ฉายภาพอุตสาหกรรม สก๊อตวิสกี้ ในประเทศสก๊อตแลนด์ ดำเนินการมากว่า 170 ปีแล้ว สามารถรักษาอุตสาหกรรมของชุมชนให้ขยายตัวและสืบทอดมายาวนาน มาจากภาครัฐที่ร่วมสนับสนุน กลุ่มชุมชนผลักดันรักษามาตรฐานในการผลิต รวมถึงมีเรื่องราวของชุมชนที่มีความน่าสนใจ

 

 

"ในช่วงที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยว 3 ล้านคนที่มาเที่ยวสก๊อตแลนด์ทุกปี และมีนักท่องเที่ยวจำนวน 2 ล้านคนมักเยี่ยมชมสถานที่ผลิตวิสกี้ เช่น โรงกลั่น ต่างๆ แสดงถึงศักยภาพของสินค้าที่ดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย"

ทั้งนี้ ชุมชนในสก๊อตแลนด์มีโรงกลั่นอยู่ถึง 143 แห่งทั่วสกอตแลนด์ ซึ่งโรงกลั่นแต่ละแห่งต่างมีเรื่องราวของตัวเอง และยังมีการจัดตั้งสมาคมสก๊อตวิสกี้เป็นตัวแทนจาก 97% ของผู้ผลิตสก๊อตวิสกี้ในประเทศสก๊อตแลนด์ โดยมีการส่งออกสินค้าไปใน 190 ประเทศทั่วโลก และมีจำนวนการส่งออกประมาณ 43 ขวดต่อวินาที

อีกทั้งภาพรวมอุตสาหกรรมของสก๊อตวิสกี้ จึงมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร โดยสมาคมสก๊อตวิสกี้เป็นผู้ส่งออกอาหารและเครื่องดื่มที่สำคัญ สามารถสร้างรายได้ประมาณ 7,000 ล้านปอนด์ต่อปี และสร้างงาน 60,000 ตำแหน่งในสหราชอาณาจักร

สำหรับ 3 ประเทศที่นำเข้าสก๊อตวิสกี้สูงสุด ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และสิงคโปร์ ซึ่งประเมินว่า ตลาดเอเชียมีแนวโน้มขยายตัวต่อไปในอนาคต

ชี้สก๊อตวิสกี้ในไทย มีมูลค่าการนำเข้ากว่า 1,500 ล้าน

สำหรับภาพรวมตลาดเครื่องดื่มสก๊อตวิสกี้ในประเทศไทย มีการนำเข้ารวมจำนวน 10.2 ล้านขวด มูลค่ารวมประมาณ 1,500 ล้านบาทในปีก่อน โดยในปี 2567 หากภาครัฐสามารถกระตุ้นนักท่องเที่ยวกลุ่มพรีเมียมเข้ามาในประเทศได้มากขึ้น เชื่อว่าจะมีผลต่อการนำเข้ามีทิศทางที่ขยายตัวได้สอดคล้องกัน

“ตลาดในประเทศไทย มีการบริโภคสก๊อตวิสกี้มาอย่างต่อเนื่อง และในช่วง 20 ปีที่แล้ว ตลาดมีความสำคัญมาก แต่ที่ผ่านมาการเติบโตกลับไม่สูงนัก เมื่อเปรียบเทียบกับในตลาดอื่นๆ จึงอยากส่งเสริมให้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ให้เทียบเท่ากับตลาดอื่นในภูมิภาคอาเซียน”

ขณะที่ในปีก่อนหน้านี้ สก๊อตวิสกี้ มีส่วนช่วยเศรษฐกิจประเทศไทยอย่างมาก คิดเป็นผลกระทบรวมมูลค่า 6,900 ล้านบาท ของจีดีพีประเทศไทย รวมถึงมีผลสร้างรายได้จากภาษีถึง 1 หมื่นล้านบาท รวมถึงช่วยสนับสนุนการสร้างงานจำนวน 20,500 ตำแหน่ง

ทั้งนี้เมื่อประเมินเทรนด์การท่องเที่ยวในโลก กำลังมุ่งไปสู่ การท่องเที่ยวรูปแบบพรีเมียม (Premiumization) ที่ดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพสูงเข้ามาในประเทศ รวมกระตุ้นการใช้จ่าย ทำให้ประเทศไทย สามารถขยายโอกาสนี้ได้ผ่านการ สนับสนุนสก๊อตวิสกี้นำเข้า ถือเป็นสินค้าพรีเมียม ที่มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นการท่องเที่ยวและร่วมดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพสูงเข้ามาในประเทศ และสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศไทยได้อีกทาง

หวังรัฐปรับกฎ เอื้อการนำเข้าสินค้า

ทั้งนี้อยากให้มีการกำหนด เงื่อนไข ระเบียบข้อบังคับและโครงสร้างทางกฎหมาย ให้มีความเหมาะสม เพื่อร่วมดึงดูดการนำเข้าสก๊อตวิสกี้ ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยและสก๊อตแลนด์ หากรัฐบาลดำเนินการลดอัตราภาษีสรรมสามิตเช่นเดียวกับไวน์ จะส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมสก๊อตวิสกี้และผลิตภัณฑ์พรีเมียมอื่นๆ ได้

สำหรับกลุ่มลูกค้าของสก๊อตวิสกี้ที่นำเข้ามา จะมีการจัดจำหน่ายสินค้าผ่านจุดบริการ หรือ ออนเทรด (On-trade) ผ่านทั้ง ร้านอาหาร ภัตตาคาร โรงแรม และบาร์ จำนวนสูงมากกว่า และการจัดจำหน่ายสินค้าผ่านธุรกิจการค้าส่งและค้าปลีก หรือ ออฟเทรด (Off-trade) ซึ่งสอดคล้องกับนักท่องเที่ยวกลุ่มพรีเมียม ที่กำลังเติบโตในประเทศไทย