‘แสนสิริ’รับมือปัจจัยลบโฟกัสบ้านพรีเมียมดักกำลังซื้อ

‘แสนสิริ’รับมือปัจจัยลบโฟกัสบ้านพรีเมียมดักกำลังซื้อ

‘แสนสิริ’พลิกกลยุทธ์รับมือปัจจัยลบหันโฟกัสบ้านพรีเมียมดักกำลังซื้อคนมีเงินแทนลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดความเสี่ยงสูงโดยเฉพาะราคาต่ำกว่า3 ล้านสามารถรับรู้รายได้สม่ำเสมอและเงินไม่จม ปัจจุบันมีสัดส่วนโครงการแนวราบ 70% คอนโดมิเนียม 30%

ภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ ประธานผู้บริหารสายงานกลยุทธ์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบทั่วหน้า ทั้งยอดขาย ยอดโอนลดลง อย่างไรก็ดี แสนสิริ ยังคงรักษาผลประกอบการค่อนข้างดี โดยเฉพาะไตรมาสแรก แม้ยอดขายต่อโครงการลดลง แต่สิ่งที่ทำให้รายได้ยังคงสม่ำเสมอ เป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาตามสภาพตลาดที่มีปัญหากำลังซื้อระดับแมสได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบค่อนข้างมาก

“แสนสิริจึงหันไปโฟกัสสินค้าพรีเมียมมากขึ้นจากปกติโครงการขายหมดจะมีโครงการขายใหม่ทยอยออกมาในระดับมีเดียมแมส แทนที่จะเปิดระดับเดิมก็เปิดพรีเมียมแทน จากเดิมขายราคาหลังละ 5 ล้านบาท ก็เปลี่ยนมาออกบ้านหลังละ 15 ล้านบาท ขาย 1 หลังเท่ากันแต่แวลูชดเชยมากกว่า”
 

บริษัทยังได้หันไปโฟกัสโครงการบ้านมากขึ้นจากเดิมเน้นพัฒนาคอนโดมิเนียมเป็นพอร์ตใหญ่ รายได้สวิง! ซึ่งโครงการบ้าน สามารถรับรู้รายได้สม่ำเสมอ ที่สำคัญบริหารจัดการได้ง่าย “เงินไม่จม” เหมือนการพัฒนาคอนโดมิเนียม ปัจจุบันมีสัดส่วนโครงการแนวราบ 70% คอนโดมิเนียม 30% จากเดิม 50:50 ในช่วงก่อนโควิด-19 ส่งผลต่อผลประกอบการออกมาดีขึ้น อีกทั้งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการยอมรับต่อแบรนด์แสนสิริ มีความน่าเชื่อถือส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อ

อย่างไรก็ตาม หลังจากรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ บรรยากาศในตลาดีดขึ้นสังเกตจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มบ้านและคอนโดมิเนียมราคา 7 ล้านบาทลงมา ซึ่งแสนสิริ มีสัดส่วนกลุ่มนี้ 30% แต่มาตรการดังกล่าวทำให้ยอดขายกลุ่มบ้านราคาแพงของแสนสิริเพิ่มขึ้นถึง 20% ่
 

“ปัจจุบันแสนสิริมียอดรีเจกต์เรต 6-8% เพราะมีการสกรีนลูกค้าก่อนขอยื่นกู้จากธนาคาร สวนทางกับตลาดหรือบางบริษัทที่เปิดให้จองโดยยังไม่ได้สกรีนลูกค้าก่อน ปัญหาตอนนี้คือคนไทยมีปัญหาหนี้สูง รายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย ทิศทางดังกล่าวทำให้แสนสิริ พยายามที่ขยายพอร์ตสินค้าหันเพิ่มพอร์ตแนวราบในระดับราคาพรีเมียมมากขึ้นที่ไม่มีปัญหาเรื่องกำลังซื้อ”

ภูมิภักดิ์ กล่าวต่อว่า สถานการณ์ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ดี ขณะที่ส่งออกหดตัวตามดีมานด์ทั้งโลกยังคงชะลอตัว ดังนั้นในปีนี้ ผู้ประกอบการต้องระมัดระวังการบริหารกระแสเงินสด เร่งระบายสต็อก อย่าลงทุนเกินตัว แม้จะมีลูกค้าต่างชาติเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยมากขึ้น แต่มีข้อจำกัดต่างๆ 

“ในความเห็นส่วนตัวมองว่า น่าเปิดให้ขยายการเช่าระยะยาวออกไปเหมือนในต่างประเทศ เป็น 90-99 ปีจากเดิมจำกัดอยู่ที่ 30 ปี”

ปี 2567 แสนสิริยังคงยึดเป้าหมายเดิมสร้างยอดขาย 52,000 ล้านบาท มีรายได้หรือยอดโอน 43,000 ล้านบาท เติบโต 10% จากปีที่ผ่านมา เป็นโครงการแนวราบ 70% อีก 30% จากคอนโดมิเนียม รวมทั้งขยายฐานลูกค้าในต่างจังหวัดโดยเฉพาะหัวเมืองท่องเที่ยวสำคัญอย่าง ภูเก็ต พัทยา และเชียงใหม่ หลังปัญหาขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ทำให้เกิดความต้องการบ้านหลังที่ 2 ของลูกค้าต่างชาติมากขึ้น