LPN : ซื้อ

2 เดือน ของ 3Q56 มียอดขายต่อเนื่องแม้ไม่มีโครงการใหม่เปิด

แม้ว่าไม่มีการเปิดโครงการใหม่ในเดือน ก.ค. – ส.ค. แต่ LPN สามารถทำยอดขายได้ถึง 2.5 พันล้านบาทจากยอดขายโครงการเดิม ทำให้มียอดขายสะสม 8 เดือนอยู่ที่ 1.8 หมื่นล้านบาทใกล้เป้าหมายของบริษัทที่ 2 หมื่นล้านบาท ผู้บริหารคาดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะทำยอดขายเกินกว่าเป้า เพราะใน 3Q56 มีแผนเปิดตัวใหม่ 3 โครงการ มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะโครงการคอนโดมีเนียม LT-รังสิตมูลค่า 6.3 พันล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการใหญ่ที่สุดของ LPN จะเปิดตัวและขายบางส่วนในวันที่ 12 ต.ค. และโครงการคอนโดมีเนียม The Lumpini 24 (สุขุมวิท) ที่มีราคาสูงเฉลี่ย 7 ล้านบาทต่อห้อง คาดโครงการ 2 แห่งมีโอกาสร้ายยอดขายเพิ่มต่อเนื่องดี

งานในมือสูงเป็นประวัติการณ์ ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท

จากยอดขายที่ LPN ทำได้ดีต่อเนื่องมีผลต่อทำให้มีการสะสมของงานในมือให้ยังคงเติบโตเป็น 2.6 หมื่นล้านบาทซึ่งถือว่าเป็นระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต สำหรับการรับรู้รายได้คาดว่างานในมือดังกล่าวจะสามารถโอนและบันทึกเป็นรายได้ใน 2H56 ได้ราว 7 พันล้านบาท คิดเป็น 78% ของประมาณการรายได้ และในปี 2557 ราว 1 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 53% ของประมาณการรายได้ทั้งปีและอีก 7 พันล้านบาทจะรับรู้รายได้ในปี 2558

ผลประกอบการจะเติบโตสุดใน 4Q56

เราคาดผลประกอบการใน 3Q56 ของ LPN อาจยังไม่โดดเด่นเนื่องจากยังไม่มีโครงการใหม่ที่จะบันทึกรายได้นอกจากรายได้ของโครงการเดิมที่ต่อเนื่องจาก 2Q56 เช่น โครงการ LB-JT (ลุมพินี ปาร์ค จอมเทียน) และ โครงการ LM-BN (ลุมพินี-เมกะบางนา) คาดบันทึกรายได้ 2.6 – 2.7 พันล้านบาท อ่อนตัวลงเทียบกับทั้งรายไตรมาสและรายปี อย่างไรก็ตามใน 4Q56 เราคาดว่า LPN จะมีผลประกอบการที่โดดเด่นสุดของปี จากรายได้ที่คาดว่าจะบันทึก 6 พันล้านบาทจากการโอนของโครงการใหม่กว่า 4 แห่ง เช่น โครงการ LT-CS (ลุมพินีคอนโดทาวน์สุขุมวิท) LV-RK 60/2 (ลุมพินีวิวล์รามคำแหง 62)

ราคาหุ้นที่อ่อนตัวเป็นโอกาสสะสม

เรายังคงชอบ LPN จากความเป็นผู้นำสินค้าคอนโดมีเนียมราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท ทำให้ยอดขายเติบโตต่อเนื่อง บริษัทมีแผนขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่เพื่อสร้างยอดขายจากกลุ่มลูกค้าระดับบนเพิ่ม โดยออกสินค้าระดับราคาที่สูงขึ้นและพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ลักษณะชุมชนที่สร้างทางเลือกใหม่ให้กลุ่มลูกค้า เราคาดผลประกอบการ 4Q56 จะเติบโตมากสุดของปี สำหรับเงินปันผลเราคาดงวด 2H56 จะจ่ายปันผลได้ 64 สตางค์ต่อหุ้น ให้ผลตอบแทน 3% คงมูลค่าเหมาะสม 25.50 บาท(อ้างอิงPER 14 เท่า) แนะนำ “ซื้อ”