ราคาน้ำมันดิบร่วงลง 1 ดอลลาร์/บาร์เรล ก่อนเซเลนสกีพบทรัมป์

รอยเตอร์ รายงานราคาน้ำมันดิบร่วงลง 1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันศุกร์ (26 ธ.ค.68) เวลาสหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนพิจารณาถึงภาวะอุปทานล้นตลาดโลกที่กำลังจะเกิดขึ้น และความเสี่ยงจากสงครามที่ลดลง ท่ามกลางความหวังเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพในยูเครน ก่อนการเจรจาในช่วงสุดสัปดาห์นี้ระหว่างประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลดลง 1.03 ดอลลาร์ หรือ 1.65% เหลือ 61.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต (WTI) ของสหรัฐฯ ลดลง 1.05 ดอลลาร์ หรือ 1.8% เหลือ 57.30 ดอลลาร์ แม้ว่าปัญหาการหยุดชะงักของอุปทานจะช่วยให้ราคาน้ำมันฟื้นตัวในรอบการซื้อขายล่าสุดจากระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปีเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม แต่ราคาน้ำมันก็กำลังอยู่ในแนวโน้มที่จะลดลงมากที่สุดในรอบปีนับตั้งแต่ปี 2020

ราคาน้ำมันเบรนท์และ WTI ลดลง 18% และ 20% ตามลำดับในปีนี้ เนื่องจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาดในปีหน้า

นักวิเคราะห์ของ Aegis Hedging กล่าวในบันทึกเมื่อวันศุกร์ว่า “ปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ได้ช่วยพยุงราคาในระยะสั้น แต่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงสถานการณ์น้ำมันล้นตลาดโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ”

อุปทานน้ำมันทั่วโลกในปีหน้าจะเกินความต้องการถึง 3.84 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามตัวเลขจากรายงานตลาดน้ำมันเดือนธันวาคมของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ซึ่งตั้งอยู่ในปารีส

• จับตากระบวนการสันติภาพรัสเซีย-ยูเครน

นักลงทุนกำลังจับตาดูความคืบหน้าในกระบวนการสันติภาพรัสเซีย-ยูเครน และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อราคาน้ำมันในอนาคต เนื่องจากข้อตกลงสันติภาพอาจนำไปสู่การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรระหว่างประเทศต่อภาคอุตสาหกรรมน้ำมันของรัสเซีย

ประธานาธิบดีเซเลนสกีจะหารือเกี่ยวกับประเด็นดินแดน ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการเจรจาเพื่อยุติสงคราม กับประธานาธิบดีทรัมป์ที่รัฐฟลอริดาในวันอาทิตย์นี้ ขณะที่กรอบสันติภาพ 20 ข้อและข้อตกลงด้านการรับประกันความมั่นคงใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ เซเลนสกีกล่าวขณะประกาศการประชุมว่า “หลายสิ่งหลายอย่างสามารถตัดสินใจได้ก่อนปีใหม่”

ที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ได้พูดคุยกับสมาชิกของคณะบริหารสหรัฐฯ หลังจากที่มอสโกได้รับข้อเสนอจากสหรัฐฯ เกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพยูเครนที่เป็นไปได้ เครมลินกล่าวเมื่อวันศุกร์

“ปัจจัยลบยังคงอยู่ คือ ปริมาณน้ำมันสำรองทั่วโลกที่สูงขึ้น และความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยในการเจรจาสันติภาพยูเครน-รัสเซีย” เดนนิส คิสเลอร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการซื้อขายของ BOK Financial กล่าว

ในอีกด้านหนึ่ง ทำเนียบขาวสั่งการให้กองกำลังทหารมุ่งเน้นไปที่การ “กักกัน” น้ำมันของเวเนซุเอลาเป็นเวลาอย่างน้อยสองเดือน ซึ่งบ่งชี้ว่าขณะนี้วอชิงตันสนใจที่จะใช้มาตรการทางเศรษฐกิจมากกว่ามาตรการทางทหารเพื่อกดดันการากัส

“ผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบทั่วโลกดูเหมือนจะน้อยมากในขณะนี้” คิสเลอร์กล่าวถึงการดำเนินการของสหรัฐฯ ในการสกัดกั้นเรือบรรทุกน้ำมันที่ถูกคว่ำบาตรซึ่งออกจากและเข้าสู่เวเนซุเอลา นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวว่าเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้ดำเนินการโจมตีกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลามในรัฐโซโคโตทางตะวันตกเฉียงเหนือของไนจีเรีย โดยประสานงานกับรัฐบาลไนจีเรีย

“การโจมตีไนจีเรียที่ทรัมป์กล่าวถึงนั้นมุ่งเป้าไปที่กลุ่มกองกำลังรัฐอิสลามและไม่ได้ส่งผลกระทบต่อท่อส่งน้ำมันดิบหรือท่าเรือน้ำมันใดๆ โดยเฉพาะ ดังนั้นผู้ค้าจึงยังคงรอดูสถานการณ์ในตลาดที่มีสภาพคล่องต่ำในวันบ็อกซิ่งเดย์” จูน โกห์ นักวิเคราะห์อาวุโสของตลาดน้ำมันจาก Sparta Commodities กล่าว

แหล่งน้ำมันและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการส่งออกของไนจีเรียส่วนใหญ่อยู่ในภาคใต้ของประเทศ