มนุษยปรัชญาเยอรมนี ฉุดอัตราฉีดวัคซีนโควิด

มนุษยปรัชญาเยอรมนี  ฉุดอัตราฉีดวัคซีนโควิด

การติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ณ โรงเรียนวอลดอร์ฟของเยอรมนี ทำให้สังคมสนใจแนวคิด “แอนโทรโพโซฟี” (มนุษยปรัชญา) ขบวนการด้านความคิดความเชื่อที่อยู่เบื้องหลังระบบการศึกษาวอลดอร์ฟ จนก่อให้เกิดคำถามว่าแนวคิดนี้อาจมีส่วนทำให้การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในเยอรมนีชะลอตัวลง

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานกว่า ก่อนหน้านี้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิเยอรมนีฉีดวัคซีนรวดเร็วราวติดจรวด ครั้นถึงฤดูร้อนอัตราการฉีดช้าลงไม่อาจทะลุหมุดหมาย 70% ของประชากรได้เสียที เช่นเดียวกับสถานการณ์ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างออสเตรียและสวิตเซอร์แลนด์ส่วนที่พูดภาษาเยอรมันการฉีดวัคซีนก็ไม่เพิ่มขึ้น

ด้วยเหตุนี้โทเบียส แรพพ์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์สปีเกิล ต้องไปที่โรงเรียนวอลดอร์ฟ เหตุผลหนึ่งที่เขาสนใจคือ “การไม่ไว้ใจวัคซีนในหมู่ชนชั้นกลางกลุ่มพิเศษที่มีศูนย์กลางอยู่ทางภาคใต้ของเยอรมนีและสวิตเซอร์แลนด์” โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่มีสมาชิกแอนโทรโพโซฟี (มนุษยปรัชญา) ปรัชญาแขนงหนึ่งที่พัฒนาขึ้นมาเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 โดยรูดอล์ฟ สไตเนอร์ นักการศึกษาชาวออสเตรีย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรพพ์เขียนว่า ลัทธินี้เชื่อในเรื่องกรรม การเกิดใหม่ และการเชื่อมต่อกับโลกของวิญญาณ แอนโทรโพโซฟีสอนว่า ความเจ็บป่วยเป็นความท้าทายที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้โดยธรรมชาติ

ไมเคิล บลูม ผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐศาสตร์และวิทยาการศาสนาชี้ด้วยว่า สภาพภูมิศาสตร์มีส่วนช่วยบ่มเพาะความคิดเฉพาะกลุ่มให้เติบโตได้เขากล่าวว่า การไม่ไว้ใจวัคซีนสูงมากในพื้นที่ภูเขาทั่วภาคใต้ของเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และออสเตรีย เนื่องจากแนวคิดต่อต้านอำนาจนิยมอันได้แรงหนุนจากระบอบสหพันธรัฐและความห่างไกลตามสภาพธรรมชาติ เป็นส่วนผสมเติมเชื้อไฟให้แนวคิดมนุษยปรัชญาเจริญงอกงาม

“สมาชิกมนุษยปรัชญาหลายคนเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม ที่กล่าวว่าความเจ็บป่วยเป็นการชดใช้กรรมที่ทำไว้แต่ชาติปางก่อน จะหายได้ก็ด้วยการพัฒนาจิตวิญญาณ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมโรงเรียนวอลดอร์ฟบางแห่งไม่เชื่อมั่นในวัคซีน บางคนปวารณาตนเองรับทฤษฎีสมคบคิด” นักวิชาการอธิบาย

ก่อนโควิด-19 ระบาด โรงเรียนวอลดอร์ฟหรือโรงเรียนสไตเนอร์ ที่มีอยู่ 200 โรงในเยอรมนี ได้รับความนิยมมากในฐานะโรงเรียนทางเลือกที่เปิดให้เด็กๆ เรียนรู้ตามวิถีของตนเอง ซึ่งบ่อยครั้งโรงเรียนเหล่านี้ถูกจับตามองเมื่อหัดระบาด

แม้ใช่ว่าผู้ปกครองทุกคนที่ส่งลูกไปโรงเรียนวอลดอร์ฟจะเป็นคนต่อต้านวัคซีน แต่ในช่วง 20 เดือนที่ผ่านมาโรงเรียนวอลดอร์ฟเกิดความขัดแย้งบ่อยครั้งเรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 และการสวมหน้ากาก

ที่โรงเรียนวอลดอร์ฟในไฟรบูร์ก เยอรมนี พบผู้ติดเชื้อ 117 คนเมื่อปลายเดือน ต.ค. เจ้าหน้าที่สอบสวนพบว่า ในบรรดาใบรับรองแพทย์ 55 ใบยกเว้นให้ครูและนักเรียนไม่ต้องสวมหน้ากาก มีเพียง 2-3 ใบเท่านั้นที่ถูกต้อง

สูตรรักษาโควิด

แม้เยอรมนีจะมีสมาชิกลัทธิมนุษยปรัชญาเพียง 12,000 คน จากประชากรจำนวนมาก 83 ล้านคน แต่อิทธิพลของขบวนการก็แพร่หลายในสังคมมากขึ้น

นอกจากในโรงเรียนแล้วแนวคิดมนุษยปรัชญายังเป็นรากฐานกลุ่มเครื่องสำอางเวเลดาที่สไตเนอร์เป็นผู้ก่อตั้ง รวมถึงเครือซูเปอร์มาร์เก็ตสินค้าออแกนิกรายใหญ่อย่าง “อัลนาทูรา” และร้านยาใหญ่ “ดีเอ็ม”ที่ผู้ก่อตั้งล้วนประกาศตัวเป็นสมาชิกปรัชญาแอนโทรโพโซฟี นอกจากนี้ยังมีสมาพันธ์แพทย์แห่งหนึ่งที่ติดตามลัทธินี้

เครือข่ายคลินิกแอนโทรโพโซฟี เช่น โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเบอร์ลิน ใช้ขิงผงและเหล็กจากอุกกาบาตเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาผู้ป่วยโควิด

“เหล็กอุกกาบาตเป็นยาที่เราใช้ในการป่วยโควิดระยะที่ 2 เมื่อแสดงอาการเจ็บป่วยเริ่มแรก ทั้งยังใช้ในอาการหลังโควิด เมื่อผู้ป่วยเริ่มเหนื่อยงาน อ่อนเพลียในระยะพักฟื้น” ฮารัลด์ แมทส์ผู้อำนวยการโรงพยาบาล Havelhoehe ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์รายวัน Tagesspiegel

แต่แพทย์มนุษยปรัชญาบางคนก็ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่เชื่อมโยงพวกตนกับกลุ่มต่อต้านวัคซีนของเยอรมนี

“เราไม่เห็นหลักฐานเชิงประจักษ์ชี้ว่า ชาวมนุษยปรัชญากังวลเรื่องวัคซีนมากกว่าคนอื่น” สเตฟาน ชมิดต์ ทรอสเกจากกลุ่ม DAMiD เครือข่ายสมาพันธ์แพทย์มนุษยปรัชญาในเยอรมนี กล่าวกับสถานีโทรทัศน์แซดดีเอฟ

จริงๆ แล้วสมาพันธ์ตอบรับวัคซีนตั้งแต่แรกว่าเป็นเครื่องมือใช้สำหรับต่อสู้การแพร่ระบาด และให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงที่สุดก่อน แต่สำหรับเด็กเขาให้เหตุผลว่า ต่างกันออกไป เนื่องจาก “ความเสี่ยงที่เด็กจะมีอาการเจ็บป่วยรุนแรงต่ำมาก เรายังมองด้วยว่าวัคซีนต้องใช้อย่างระมัดระวังสุดๆ เหมือนกับประชาคมแพทย์อื่นๆ มอง” ทรอสเกกล่าว

อย่างไรก็ตาม วัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้รับการพิจารณาว่าปลอดภัยสำหรับเด็ก นานาประเทศ เช่น สหรัฐและอิสราเอลฉีดให้กับเด็กอายุ 5-11 ปีแล้ว คาดว่าเยอรมนีจะอนุมัติให้ใช้กับเด็กได้ในไม่กี่สัปดาห์นี้