เปิดถ้อยแถลง 3 ผู้นำ สหรัฐ-ไทย-กัมพูชา สื่อนอกชี้ น้ำเสียงไม่ตรงกัน

เปิดถ้อยแถลง 3 ผู้นำ 'ทรัมป์-อนุทิน-ฮุน มาเนต' สื่อนอกชี้ 'น้ำเสียงไม่ตรงกัน' หลังยกหูคุยโทรศัพท์เมื่อวันศุกร์ ทรัมป์เผยการเหยียบกับระเบิดของทหารไทยเป็นอุบัติเหตุ และไทยตอบโต้รุนแรงกว่าเหตุ ขณะที่ผู้นำกัมพูชาเสนอสหรัฐ-มาเลเซีย ดูภาพถ่ายดาวเทียมเอาเองว่าใครเริ่มยิงก่อน
ภายหลังการยกหูหารือทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดี "โดนัลด์ ทรัมป์" ของสหรัฐ กับนายกรัฐมนตรี "อนุทิน ชาญวีรกูล" เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 12 ธ.ค. และการหารือทางโทรศัพท์อีกคู่ระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์กับนายกรัฐมนตรี "ฮุน มาเนต" ของกัมพูชา ล่าสุดผู้นำทั้งสามคนได้แถลงข่าวหรือออกถ้อยแถลงครบกันทั้งหมดแล้ว ซึ่งสื่อนอกอย่างสำนักข่าวรอยเตอร์สระบุว่าปธน.สหรัฐและนายกฯ ไทย มีน้ำเสียงไม่ตรงกัน
เปิดถ้อยแถลงทรัมป์ใน Truth Social
"ผมได้พูดคุยกันด้วยดีในเช้าวันนี้กับนายกรัฐมนตรีของไทย อนุทิน ชาญวีรกูล และนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนต เกี่ยวกับการกลับมาปะทุขึ้นอีกครั้งอย่างน่าเศร้าของสงครามที่ดำเนินมาอย่างยาวนานของพวกเขา ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะ 'ยุติการยิง' ทั้งหมด โดยให้มีผลตั้งแต่ช่วงค่ำของวันนี้ (ศุกร์ 12 ธ.ค.) และกลับไปสู่ ข้อตกลงสันติภาพ ดั้งเดิมที่ได้จัดทำร่วมกับผมและพวกเขา โดยได้รับความช่วยเหลือจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซียผู้ยิ่งใหญ่ อันวาร์ อิบราฮิม
เหตุระเบิดข้างทาง (roadside bomb) ที่ทำให้ทหารไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากในตอนแรกนั้นเป็นอุบัติเหตุ แต่ประเทศไทยก็ได้ตอบโต้กลับอย่างรุนแรงมาก ทั้งสองประเทศพร้อมสำหรับ 'สันติภาพ' และการทำการค้าต่อเนื่องกับสหรัฐอเมริกา
นับเป็นเกียรติของผมที่ได้ทำงานร่วมกับอนุทินและฮุน ในการแก้ไขสถานการณ์ที่อาจพัฒนาไปเป็นสงครามครั้งใหญ่ระหว่างสองประเทศที่ยอดเยี่ยมและเจริฐรุ่งเรืองทั้งคู่ ผมขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิมด้วย สำหรับความช่วยเหลือในเรื่องที่มีความสำคัญมากเช่นนี้"
เปิดถ้อยแถลง ฮุน มาเนต ในเฟซบุ๊ก
"ผมได้หารือทางโทรศัพท์กับ ฯพณฯ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม และเมื่อคืนที่ผ่านมาวันที่ 12 ธันวาคม 2025 กับ ฯพณฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เพื่อหารือถึงแนวทางนำไปสู่ การหยุดยิงระหว่างกัมพูชา-ไทย และทำให้ทั้งสองฝ่ายกลับไปดำเนินการตามปฏิญญาร่วมกัวลาลัมเปอร์
ผมขอขอบคุณผู้นำทั้งสองท่านสำหรับความพยายามอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรลุสันติภาพที่ยั่งยืนระหว่างกัมพูชาและไทย กัมพูชายึดมั่นมาโดยตลอดในจุดยืนของการแสวงหาการแก้ไขข้อพิพาทด้วยสันติวิธี ตามเจตนารมณ์ของปฏิญญาร่วมกัวลาลัมเปอร์มาโดยตลอด
จากเหตุการณ์การยิงปะทะกันในช่วงบ่ายของวันที่ 7 ธันวาคม 2025 ซึ่งนำไปสู่การกลับมาสู้รบกันอีกครั้งระหว่างสองประเทศ ผมได้เสนอแนะว่า กองทัพสหรัฐและมาเลเซีย หรือหน่วยงานเฉพาะทาง สามารถใช้ขีดความสามารถในการรวบรวมข้อมูลข่าวกรองของตน เช่น ภาพถ่ายดาวเทียมที่ถ่ายในช่วงเวลานั้นและหลังจากนั้นเป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อตรวจสอบว่าฝ่ายใดเป็นผู้เริ่มยิงก่อน วิธีนี้อาจเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดและโปร่งใสที่สุดในการตรวจสอบข้อเท็จจริง กัมพูชาพร้อมให้ความร่วมมือหากมีความจำเป็น"
สื่อนอกชี้น้ำเสียงแตกต่างกัน
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า น้ำเสียงของปธน.ทรัมป์แตกต่างจากน้ำเสียงของนายกฯ อนุทิน ที่แถลงข่าวก่อนหน้าทรัมป์จะโพสต์ข้อความในแพลตฟอร์ม Truth Social เพียงไม่กี่ชั่วโมง โดยอนุทินกล่าวว่าการสนทนาทางโทรศัพท์ “เป็นไปด้วยดี” แต่ไม่ได้กล่าวถึงปฏิญญาร่วมกัวลาลัมเปอร์ในการยุติการสู้รบ เขายังได้ขอให้ทรัมป์กดดันกัมพูชาให้ยุติการสู้รบ ถอนกำลังทหาร และรื้อถอนทุ่นระเบิด
“ผมอธิบายต่อประธานาธิบดีทรัมป์ว่า เราไม่ได้เป็นฝ่ายรุกรานกัมพูชา แต่เป็นการตอบโต้กลับ” อนุทินกล่าวกับผู้สื่อข่าว
“เขาต้องการการหยุดยิง ผมบอกให้เขาไปบอกเพื่อนของเรา อย่าแค่พูดถึงการหยุดยิง แต่ต้องบอกให้โลกรู้ว่ากัมพูชาจะหยุดยิง ถอนทหาร และรื้อถอนทุ่นระเบิดทั้งหมดที่ได้วางไว้ พวกเขาต้องแสดงให้เราเห็นก่อน”
ด้านทรัมป์ระบุในโพสต์ของตนเองว่า ไทยได้ “ตอบโต้กลับอย่างรุนแรงมาก” นอกจากนี้ ยังได้ขอบคุณนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม สำหรับความช่วยเหลือในความพยายามด้านสันติภาพ
ขณะที่ผู้นำมาเลเซียได้โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม X ว่า เขาได้พูดคุยกับทรัมป์เมื่อวันศุกร์เกี่ยวกับความขัดแย้งดังกล่าว แต่ไม่ได้กล่าวถึงความคืบหน้าใดเป็นพิเศษ
ทางด้านโฆษกรัฐบาลไทยยังไม่ได้ตอบกลับการขอความคิดเห็นเกี่ยวกับโพสต์ของทรัมป์
ไทยชี้ไม่มีแรงกดดันด้านภาษีจากทรัมป์
รอยเตอร์สรายงานว่า ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทรัมป์จะสามารถทำให้การสู้รบยุติลงได้ง่ายเหมือนในเดือนก.ค. หรือไม่ ซึ่งในครั้งนั้นเขาได้บอกกับผู้นำกัมพูชาและไทยว่า การเจรจาเกี่ยวกับภาษีนำเข้าสหรัฐจะกลับมาก็ต่อเมื่อการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ยุติลง
ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยกล่าวกับรอยเตอร์สในสัปดาห์นี้ว่า ไม่ควรมีการใช้ภาษีเป็นเครื่องมือกดดันประเทศไทย
ขณะที่นายอนุทินกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า ทรัมป์ได้ถามเขาเกี่ยวกับความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างกรุงเทพฯ กับวอชิงตัน แต่ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าการเจรจาดังกล่าวจะได้รับผลกระทบจากการสู้รบ
“เขาไม่ได้กดดันอะไร” นายอนุทินกล่าว
จนถึงขณะนี้ นายกฯ อนุทินยังคงแสดงท่าทีไม่ชัดเจนต่อแนวทางการทูต และได้สนับสนุนกองทัพอย่างต่อเนื่องให้ดำเนินปฏิบัติการตามแผนอย่างเต็มที่ โดยกองทัพไทยได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่าต้องการทำลายขีดความสามารถทางทหารของกัมพูชา “ไปอีกหลายปี”
ด้านที่ปรึกษาระดับสูงของฮุน มาเนต กล่าวกับรอยเตอร์สในสัปดาห์นี้ว่า พนมเปญ “พร้อมสำหรับการเจรจาได้ทุกเมื่อ” แต่ไทยปฏิเสธการไกล่เกลี่ย และระบุว่ากัมพูชาต้องแสดงความจริงใจก่อนจึงจะสามารถมีการเจรจาทวิภาคีได้
ที่มา: Reuters, Truth Social, Facebook







