'อิตาลียุคใหม่ มีวินัยการคลัง' Fitch ขึ้นอันดับเครดิตครั้งแรกในรอบ 4 ปี

บริษัทจัดอันดับเครดิต "ฟิทช์ เรทติ้งส์" (Fitch Ratings) ประกาศปรับเพิ่มอันดับเครดิตให้ประเทศ "อิตาลี" เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา ตบรางวัลให้รัฐบาลนายกรัฐมนตรี จอร์เจีย เมโลนี จากความพยายามในการ "ลดการขาดดุลงบประมาณ" ซึ่งนับเป็นทิศทางบวกต่อเนื่องของเขตเศรษฐกิจใหญ่สุดอันดับ 3 ของยูโรโซนแห่งนี้ ที่เคยถูกหั่นอันดับเครดิตลงเกือบถึงชั้นขยะ (Junk)

ในแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ฟิทช์ได้ปรับเพิ่มอันดับเครดิตประเทศของอิตาลีขึ้นหนึ่งขั้นเป็น "BBB+" ซึ่งสูงกว่าระดับ Junk อยู่สามขั้น พร้อมให้มุมมองอันดับเครดิต "มีเสถียรภาพ" (Stable)

“การปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นต่อวิถีการคลังของอิตาลี จากผลงานด้านวินัยการคลังที่ต่อเนื่อง และความมุ่งมั่นแรงกล้าในการบรรลุเป้าหมายทางการคลังทั้งระยะสั้น และระยะกลาง ภายใต้กรอบวินัยการคลังใหม่ของสหภาพยุโรป” ฟิทช์ ระบุในรายงานเมื่อวันศุกร์ 

“สภาพแวดล้อมทางการเมืองที่มีเสถียรภาพ แรงส่งของการปฏิรูปที่ดำเนินต่อเนื่อง และการลดความไม่สมดุลภายนอก ยิ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวชี้วัดด้านเครดิตเรตติ้งของอิตาลี”

การเพิ่มอันดับเครดิตครั้งนี้มีขึ้นเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง "ฝรั่งเศส" เพิ่งถูกฟิทช์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ สะท้อนให้เห็นถึง "สถานการณ์ที่พลิกผัน" สำหรับกลุ่มประเทศผู้กู้ยืมรายใหญ่ที่สุดในยุโรป 

ฝรั่งเศสซึ่งคาดว่าจะมีการขาดดุลงบประมาณสูงถึง 5.5% ของจีดีพีในปีนี้ และกำลังพยายามลดการขาดดุลให้อยู่ในกรอบของยูโรโซนที่ 3% ต้องเผชิญกับการประท้วงต่อต้านอย่างรุนแรง และความวุ่นวายทางการเมือง ในทางกลับกัน "อิตาลี" ใกล้จะลดการขาดดุลตามกรอบของยูโรโซนได้เร็วที่สุดในปีหน้า และกำลังมีเสถียรภาพทางการเมืองอย่างไม่น่าเชื่อภายใต้การนำของนายกฯ หญิงเมโลนี 

สิ่งนี้นับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งจากอดีต ซึ่งอิตาลีเคยได้ชื่อว่าเป็น "คนป่วยแห่งยุโรป" โดยมักถูกมองว่าเป็นจุดอ่อนที่สุดในกลุ่มประเทศยูโรโซน และมีการเปลี่ยนรัฐบาลบ่อยครั้ง

“เราได้นำอิตาลีกลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้องแล้ว” จิอันคาร์โล จอร์เก็ตตี รัฐมนตรีคลังแถลงหลังได้รับข่าวดีจากฟิทช์ โดยอ้างถึง “การถอดบทเรียนที่ผ่านมา และการทำงานอย่างจริงจัง และรอบคอบ”

การเพิ่มอันดับเครดิตครั้งนี้อยู่บนสมมติฐานว่า รัฐบาลอิตาลีจะประสบความสำเร็จตามแผนที่จะลดการขาดดุลงบประมาณ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเตรียมร่างงบประมาณปีหน้า ซึ่งคาดว่าจะมีการลงนามก่อนสิ้นเดือนก.ย. นี้

ด้านบรรดานักลงทุนได้เปลี่ยนมุมมองต่ออิตาลีไปมากแล้ว โดยส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของ "อิตาลี และเยอรมนี" ซึ่งเป็นมาตรวัดความเสี่ยงในยุโรป ปัจจุบันอยู่ต่ำกว่า 0.8% ซึ่งน้อยกว่าหนึ่งในสามจากปี 2565 เมื่อครั้งที่เมโลนีเข้ารับตำแหน่งผู้นำอิตาลี

ทั้งนี้ ต้นทุนกู้ยืมของอิตาลีลดลงอย่างมากจนรัฐบาลมีเงินส่วนเกินหลายพันล้านยูโรไว้ใช้ในการวางแผน อย่างไรก็ตาม ด้วยหนี้สาธารณะที่ยังสูงเกินกว่า 130% ของจีดีพี ก็ยังคงเป็นความท้าทายสำคัญของอิตาลีในการฟื้นฟูฐานะการคลังประเทศ 

ก่อนหน้านี้ในเดือนเม.ย. 2568 "S&P Global Ratings" ได้ปรับขึ้นอันดับเครดิตให้อิตาลีมาแล้วเช่นกัน โดยปรับขึ้นหนึ่งอันดับเป็น BBB+ จากเดิมที่ BBB พร้อมให้แนวโน้มอันดับเครดิต "มีเสถียรภาพ" ส่วนอีกค่ายอย่าง "Moody’s Ratings" เพิ่งปรับขึ้นมุมมองอันดับเครดิตให้อิตาลีเมื่อเดือนพ.ค. จากเดิมที่มีเสถียรภาพไปเป็นมุมมอง "เชิงบวก" และคาดว่าจะออกรายงานเครดิตก่อนช่วงปลายเดือนพ.ย. นี้

ที่มา: Bloomberg

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์