‘ภูฏาน’ ดินแดน ‘มังกรสายฟ้า’ (2) | World Wide View

คนภูฏานมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ถ้าแบ่งหัวใจ 4 ห้องของคนที่นี่ ก็น่าจะบรรจุไปด้วยธรรมชาติ ศาสนา วัฒนธรรม และพระมหากษัตริย์ ที่หล่อหลอมขึ้นเป็นดวงใจของคนภูฏาน
คนภูฏานมีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแต่ลุ่มลึก ถ้าแบ่งหัวใจ 4 ห้องของคนที่นี่ ก็น่าจะบรรจุไปด้วยธรรมชาติ ศาสนา วัฒนธรรม และพระมหากษัตริย์ ที่หล่อหลอมขึ้นเป็นดวงใจของคนภูฏาน
รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ให้ประเทศนี้ต้องมีป่าไม้ไม่น้อยกว่า 60% (การมีป่าไม้ถูกกำหนดในรัฐธรรมนูญด้วย!) ซึ่งถ้าเดาแว้บแรกก็คงคิดว่า ของจริงคงมีปริ่มตัวเลขดังกล่าวเต็มทน แต่ปรากฏว่าในภูฏานมีป่าไม้กว่า 70% ของพื้นที่ และคนที่นี่ให้ความสำคัญกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บ้านเมืองจึงสะอาดไม่ค่อยมีขยะให้พบเห็น แม้จะตามถนนหนทางในเมืองหลวงก็ตาม และถ้าหากไปซื้อข้าวของ แม่ค้าก็จะไม่ใช้ถุงพลาสติก แต่ใช้ถุงผ้าหรือถุงวัสดุที่ใช้ได้ระยะยาวใส่ของให้ บรรดาเกษตรกรก็ใช้ปุ๋ยอินทรีย์เป็นหลัก ไม่ค่อยใช้ปุ๋ยเคมี..แถมอีกนิดคือ ที่นี่ทั้งประเทศไม่มีไฟจราจร ที่แยก busy สุดกลางเมืองหลวงในเวลาเร่งด่วนจะมีจราจรมาโบกรถ (ออกแนวรำโชว์นักท่องเที่ยวซะมากกว่า) ในป้อมกลางวงเวียน 1 คนถ้วน
ด้านศาสนาคนภูฏานรับเอาความเชื่อแบบพุทธวัชรยานมาจากธิเบต โดยนับถือพระสมณโคดมพุทธเจ้าเป็นหลักเหมือนบ้านเรา (ต่างจากพุทธมหายานของจีนที่นับถือพระพุทธเจ้าหลายองค์) แต่คนที่นี่จะเพิ่มการให้ความสำคัญกับพระโพธิสัตว์ และการสืบความต่อเนื่องของการกลับชาติมาเกิดของลามะชั้นสูง เวลาไปวัดวาอารามหรือเดินตามร้านของที่ระลึก จะมีรูปปั้นหรือภาพวาดของพระโพธิสัตว์หลายองค์ นอกจากนี้ยังมีความเชื่อท้องถิ่นที่ผสมผสานกับเรื่องราวทางศาสนา เกี่ยวกับสิ่งป้องกันความชั่วร้ายต่าง ๆ ให้เห็นมากมาย เช่น มหากาละ (เป็นรูปหน้ายักษ์ที่มีกระโหลก 5 อันบนศีรษะ) หรือลึงค์ (ไม่ได้เรียกศิวลึงค์ตามแนวคิดฮินดู) ที่เอาไว้ปัดเป่าสิ่งไม่ดีต่าง ๆ
การกราบพระของคนภูฏานจะกราบ 3 ครั้งเพื่อระลึกถึงพระรัตนตรัยเหมือนคนไทย แต่จะมีวิธีต่างกัน โดยเริ่มจากการยืน พนมมือจรดที่หน้าผาก ลดลงมาที่จมูก และกลางอก (แทนการถวายความคิด ลมหายใจ และร่างกายแด่พระพุทธเจ้า) แล้วคุกเข่ากางมือทาบพื้นด้านข้างศีรษะ เอาหน้าผากจรดที่พื้น แล้วยืนขึ้น นับเป็น 1 ครั้ง และหากจะเข้าใกล้พระประธานเพื่อขอพร ก็จะเอาฝ่ามือคลุมจมูกไว้ เพื่อไม่ให้สิ่งสกปรกในร่างกาย ผ่านลมหายใจไปถูกองค์พระได้
ด้วยความที่มีศาสนาเป็นแกนกลางของชีวิต คนที่นี่จึงมีจิตใจสุภาพอ่อนโยน มีเมตตาและไม่ฆ่าสัตว์ ชาวบ้านจะเลี้ยงไก่เพื่อเก็บไข่ เลี้ยงวัวตัวเมียเพื่อรีดนม ส่วนวัวตัวผู้ก็เอาไว้เพื่อผสมพันธุ์เท่านั้น (OMG ประเทศแบบนี้ยังมีอยู่ในโลก!!) ส่วนเนื้อสัตว์เพื่อการบริโภคจะนำเข้าจากอินเดียเป็นหลัก โดยไก่ หมู วัว ที่เลี้ยงไว้ หากตายตามธรรมชาติถึงจะเอาเนื้อมาบริโภคกัน
บ้านเรือนในภูฏานก็คงเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมที่งดงาม ที่มักสร้างเป็นทรงเหลี่ยมทาพื้นขาว และเน้นการเล่นลวดลายด้วยสัญลักษณ์ที่ขอบหน้าต่าง ช่วงขอบอาคารต่อกับหลังคา จะมีไม้นูนออกมาเป็นช่วง และระบายสีสันให้โดดเด่นเช่นกัน โดยตัวอาคารจะตกแต่งด้วยภาพสัตว์หรือสัญลักษณ์มงคล เช่น สัตว์ที่แทนอำนาจ คือ เสือ สิงโต ครุฑ และมังกร หรือสัตว์ที่แทนความสมัครสมานกลมเกลียวและการให้เกียรติซึ่งกันและกัน คือ นก กระต่าย ลิงและช้าง ส่วนสัญลักษณ์มงคลที่จะพบทั้งตามบ้านเรือนและสถานที่ต่าง ๆ ทั่วทุกแห่งในภูฏานมี 8 อย่าง คือ ฉัตร (ป้องกันสิ่งชั่วร้าย) ปลาทองคู่ (ความสุขและอิสระ) แจกัน (ความรุ่งเรือง) ดอกบัว (ความบริสุทธิ์) สังข์ (ความกังวานของธรรมะ) เงื่อนเชือก (ความเชื่อมโยงของสรรพสิ่ง) ธง (ชัยชนะของปัญญา) และธรรมจักร (พุทธธรรม)
ยังไม่ได้เล่าเรื่องชุดประจำชาติกับความผูกพันระหว่างประชาชนกับพระมหากษัตริย์ ซึ่งก็มีรายละเอียดที่น่าสนใจมากกก ... ต้องขอแปะเอาไว้ต่ออีกในข้อเขียนหน้าครับ







