'จีนหยิบชิ้นปลามัน' ทรัมป์ตึงเครียดยุโรป

'จีนหยิบชิ้นปลามัน'  ทรัมป์ตึงเครียดยุโรป

ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับยุโรปรุนแรงมากในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และส่อเค้าว่าจีนจะใช้ความแตกร้าวนี้มาสร้างความสัมพันธ์กับยุโรปแทน

KEY

POINTS

  • ความตึงเครียดใน “ความสัมพันธ์พิเศษ” ระหว่างสหรัฐกับยุโรป ทำให้รัฐบาลปักกิ่งกลายเป็นพันธมิตรและผู้ทุ่มเทเพื่อยุโรปได้อย่างไม่คาดคิด
  • สำหรับปักกิ่ง การแสดงการสนับสนุนบทบาทของยุโรปในการเจรจาสันติภาพยูเครนเป็น “วิธีการต้นทุนต่ำ” 
  • จีนจะได้รับประโยชน์หากยุโรปปลอดแรงกดดันจากสหรัฐให้ต้องคว่ำบาตรและออกข้อจำกัดกับปักกิ่ง

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ความตึงเครียดข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกร้าวฉานหนักเมื่อหลายวันก่อน ระหว่างการประชุมเดือดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐและรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ กับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ณ ห้องทำงานรูปไข่ ที่เริ่มต้นจากข้อตกลงแร่ธาตุแล้วมาจบที่การโต้เถียงกันออกสื่อ

ทรัมป์เองก็ขู่อยู่บ่อยๆ ว่าจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป (อียู) และว่า อียู “ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อทำลายสหรัฐ” ขณะเดียวกัน แวนซ์ก็เคยถล่มยุโรปในการประชุมความมั่นคงมิวนิกเมื่อเดือนก่อนว่า เขากังวลกับ “ภัยคุกคามจากภายใน”

ความตึงเครียดใน “ความสัมพันธ์พิเศษ” ระหว่างสหรัฐกับยุโรป ทำให้รัฐบาลปักกิ่งกลายเป็นพันธมิตรและผู้ทุ่มเทเพื่อยุโรปได้อย่างไม่คาดคิด หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนมาเยือนยุโรปเมื่อเดือนก่อน พร้อมเร่งเร้าให้ร่วมมือและสัมพันธ์กันให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น

“จีนกำลังใช้เสน่ห์มัดใจอย่างชัดเจน พยายามฉายภาพตัวเองเป็นพลังแห่งการสร้างเสถียรภาพ และอาจเป็นขั้วทางเลือก โดยฉวยจังหวะความกลัวของยุโรปและหวังกำหนดเงื่อนไขของปักกิ่งเอง”อลิเซีย บาชุลสกา นักวิชาการด้านนโยบายจากสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกล่าวกับซีเอ็นบีซี

หลังจากทั้งอียูและยูเครนถูกตัดออกจากการเจรจาสันติภาพอย่างไม่มีใครคาดคิดระหว่างสหรัฐกับรัสเซีย หวังกล่าวในการประชุมความมั่นคงมิวนิกเมื่อเดือนก่อนว่า จีนหวังว่าทุกฝ่ายสามารถมีส่วนร่วมในการเจรจาสันติภาพเพื่อยุติสงครามในยูเครน

“เมื่อสงครามเกิดขึ้นบนแผ่นดินยุโรป ยุโรปยิ่งจำเป็นต้องมีบทบาทเพื่อสันติภาพ” หวังระบุ 

กาเบรียล วิลเดา กรรมการผู้จัดการบริษัทที่ปรึกษา Teneo มองว่า สำหรับปักกิ่ง การแสดงการสนับสนุนบทบาทของยุโรปในการเจรจาสันติภาพยูเครนเป็น “วิธีการต้นทุนต่ำ” เพื่อส่งสัญญาณการเคารพอียูของจีน และ “สร้างความตรงกันข้ามกับทรัมป์”

“จีนตั้งเป้ามีอิทธิพลเชิงยุทธศาสตร์เหนือยุโรปดังจะเห็นได้จากนโยบายการลงทุนและการค้าของจีน การทำอะไรในบริบทของยูเครนควรถูกประเมินด้วยมุมมองนี้” เอียน เบรมเมอร์ ประธานบริษัทที่ปรึกษาความเสี่ยงทางการเมือง “ยูเรเซียกรุ๊ป” ให้ความเห็น

  • ไม่เป็นทาสอีกต่อไป

เมื่อทรัมป์เพิ่มนโยบายกีดกันทางการค้า นักวิเคราะห์กล่าวว่า จีนจะได้รับประโยชน์หากยุโรปปลอดแรงกดดันจากสหรัฐให้ต้องคว่ำบาตรและออกข้อจำกัดกับปักกิ่ง

ที่ผ่านมายุโรปปฏิบัติตัวสอดคล้องกับนโยบายการค้าของสหรัฐ ที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องเทคโนโลยีและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของชาติตะวันตก

ตัวอย่างเช่น เมื่อสหรัฐควบคุมการส่งออกรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ก็เข้มงวดกับการขายอุปกรณ์ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ทันสมัยของเอเอสเอ็มแอล ผู้ผลิตชิปสัญชาติดัตช์ไปด้วย

“การปราบปรามจีนของหลายชาติยุโรปเป็นไปตามคำขอของสหรัฐ เป็นส่วนหนึ่งของราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการเชื่อฟังและพึ่งพาสหรัฐในด้านการป้องกันประเทศชาวยุโรปอาจได้รับผลกระทบ (จากภาษี) แต่พวกเขาจะไม่ตกเป็นทาสชาวอเมริกันอีกต่อไป” เดวิด โรช นักกลยุทธ์บริษัทQuantum Strategy กล่าว

วิลเดาจาก Teneo มองว่า ด้วยเหตุนี้พันธมิตรข้ามแอตแลนติกที่แตกร้าวอาจเป็นประโยชน์ต่อปักกิ่ง เนื่องจากยุโรป “อ่อนไหวต่อแรงกดดันของสหรัฐน้อยลง” ซึ่งอาจนำไปสู่การยกเลิกควบคุมการส่งออกที่ทำอยู่ หรืออย่างน้อยก็ไม่ออกมาตรการใหม่

  • ยุโรปต้องการความช่วยเหลือ

วิลเดากล่าวต่อไปว่า ตัวอย่างหนึ่งของการเปลี่นแปลงนโยบายการค้าของสหภาพยุโรปอาจเป็นการเก็บภาษีรถยนต์จีนในขณะนี้ ผู้นำอียูอาจสรุปว่า พวกเขา “ไม่มีทางเลือก” นอกจากเปลี่ยนแนวทาง

อุตสาหกรรมยานยนต์ยุโรปถูกกดดันเพิ่มขึ้นตลอดมา เมื่อผู้ผลิตรถยนต์เจอแรงต้านนานัปการตั้งแต่การเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า, การแข่งขันจากจีนเพิ่มมากขึ้น และตอนนี้มีภัยคุกคามภาษีจากสหรัฐเพิ่มเข้ามา

โรชเสนอว่าความร่วมมือกับจีนอาจช่วยให้ยุโรปผลิตชิ้นส่วนที่จำเป็นสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าได้ ทำให้อียูตามเทคโนโลยีได้ทัน และบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน ซึ่งนี่เป็นเพียงช่องว่างเดียวที่จีนอาจเติมเต็มได้

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของประธานาธิบดีทรัมป์กระตุ้นผู้นำในยุโรป เห็นได้ชัดถ้อยแถลงจากฟรีดริช เมิร์ซแห่งเยอรมนี แสดงสุนทรพจน์หลังพรรคชนะเลือกตั้งว่า ขณะนี้สหรัฐ “ไม่สนใจ” ชะตากรรมของยุโรป ส่วนตัวเขานั้นให้ความสำคัญกับ การทำให้ยุโรป “เป็นเอกราชจากสหรัฐ” เป็นอันดับหนึ่ง

“ใช่ว่าปักกิ่งจะไม่เห็นคอมเมนท์ของเมิร์ซ คำถามคือสมาชิกอียูรายอื่นจะมองเห็นความสัมพันธ์ทางธุรกิจแต่ดั้งแต่เดิมระหว่างเยอรมนีกับจีนหรือไม่”ธานอส ปาปาซาววาส ผู้ก่อตั้งและประธานคณะเจ้าหน้าที่ลงทุน ABP Invest กล่าว

นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งกล่าวว่า ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ายุโรปกับจีนปรับความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดมานานคืบหน้าไปแค่ไหน

“เหนือสิ่งอื่นใดนี่ยังเป็นจีนเดิมที่อียูดีลด้วยช่วงสองสามปีหลัง จีนที่สนับสนุนรัสเซีย จีนที่กำลังคุกคามมหาอำนาจอุตสาหกรรมของยุโรป และจีนที่กำลังคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ยุโรปและองค์กรภาคประชาสังคม” บาชุลสกาจากสภายุโรปว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศย้ำ

ขณะที่เบรมเมอร์จากยูเรเซียกรุ๊ปเสริมว่า สุดท้ายแล้ว ความพยายามของปักกิ่งที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์กับยุโรปก็สอดรับกับเป้าหมายที่ใหญ่กว่าในการตัดกำลังชาติตะวันตกโดยรวม ด้วยการบั่นทอนสายสัมพันธ์ระหว่างยุโรปกับสหรัฐ

“ชาติยุโรปจะไม่ปันใจจากสหรัฐด้วยนโยบายการปฏิบัติทางการค้าที่วอชิงตันใช้ แต่จะปันใจเพราะการไล่ล่าเป็นปรปักษ์อย่างเปิดเผยมากกว่า ถ้าเทรนด์นี้ยังอยู่ต่อไป ความเป็นพันธมิตรข้ามแอตแลนติกคงถึงคราวแตกหัก” เบรมเมอร์สรุป