แรงงานไม่แฮปปี้ ฉุดธุรกิจมะกันสูญผลผลิต 1.9 ล้านล้านดอลลาร์

ผลวิจัยของแกลลัพ พบว่า พนักงานที่ไม่มีความสุข ทำให้ธุรกิจสหรัฐสูญเสียผลผลิต 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี 2566 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นผลมาจาก ชาวอเมริกันรู้สึกแปลกแยกจากนายจ้างหลังการแพร่ระบาดโควิด-19

ผลวิจัยดังกล่าว เผยให้เห็นถึงความสิ้นหวังของแรงงานในสหรัฐ โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 1 ใน 3 เท่านั้นที่บอกว่ารู้สึกมีส่วนร่วมกับงาน ขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามอีกครึ่งหนึ่งรู้สึกมีส่วนร่วมน้อย หรือเรียกว่า “quiet quitting” หรือ “การลาออกแบบเงียบๆ” ซึ่งภาวะการทำงานตามหน้าที่ ไม่มีแรงจูงใจทำงานอื่นๆ เพิ่ม

ดิสรัปชันที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา บั่นทอนความสุขในที่ทำงาน โดยพนักงานจำนวนมากบอกว่า พวกเขาไม่แน่ใจว่าองค์กรคาดหวังอะไรจากตนซึ่งนี่เป็นอาการที่นำไปสู่การหนีห่างจากการมีส่วนร่วมในที่ทำงาน

การเดิมพันของบริษัทต่างๆ จึงสูงมาก เพราะการส่วนร่วมในที่ทำงานช่วยเพิ่มผลผลิต และกระตุ้นยอดขาย และกำไรด้วย ขณะที่การเชื่อมสัมพันธ์กับพนักงานให้ดีขึ้นเป็นวิธีช่วยรักษาพนักงานไว้เช่นกัน

ทั้งนี้ แกลลัพคำนวณต้นทุนของผลผลิตที่ลดลงจากการประเมินผลกระทบของเงินดอลลาร์ของพนักงานที่รู้สึกไม่มีส่วนร่วม จากนั้นคาดการณ์ผลกระทบต่อประชากรวัยทำงาน และพบว่า โดยรวมแล้วกระทบเศรษฐกิจทั่วโลกประมาณ 8.8 ล้านล้านดอลลาร์

ด้าน “จิม ฮาร์เตอร์” หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ฝ่ายการปฏิบัติงานในที่ทำงานของแกลลัพ บอกว่า การมีพนักงานที่มีแรงจูงใจในการทำงานทำให้เกิดผลลัพธ์การทำงานที่แตกต่างไปมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญต่อองค์กร

ฮาร์เตอร์จึงแนะนำให้บริษัทพูดคุยกับพนักงานรายบุคคลทุกสัปดาห์ พร้อมแนะนำวิธีการทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงาน และเมื่อพนักงานได้รับคำแนะนำ จะทำให้พวกเขาเห็นหน้าที่ของตนเองชัดเจนขึ้น 80% จากที่น้อยกว่า 50% ซึ่งกลยุทธ์แนวนี้จำเป็นต่อพนักงานคนรุ่นใหม่ เพราะพวกเขามีโอกาสเปลี่ยนงานมากที่สุด เพื่อหาสมดุลระหว่างชีวิต และการทำงานมากขึ้น

“พนักงานคนรุ่นใหม่หวังให้มีผู้จัดการฝึกสอนที่คำนึงถึงการพัฒนาของพวกเขา คนกลุ่มนี้ต้องการทำงานที่พัฒนาชีวิตร่วมด้วย ไม่ใช่แยกเรื่องนี้ออกจากกัน” ฮาร์เตอร์ ย้ำ

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์