ไชยชนก ผนึก ตร. เปิดยุทธการกวาดล้างสแกมเมอร์ ชี้ทั่วโลกยกระดับเป็น “วาระแห่งโลก”

กระทรวงดีอี-สำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดเกมรุกกวาดล้างแก๊งสแกมข้ามชาติ เผยทั่วโลกตื่นตัวยกระดับ Cybercrime จาก “วาระแห่งชาติ” สู่ “วาระแห่งโลก” พร้อมลงนามอนุสัญญาสหประชาชาติร่วม 68 ประเทศ ดันไทยเป็นแนวหน้าต่อต้านภัยออนไลน์
KEY
POINTS
- รมว.ดีอี ผนึกกำลังกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดปฏิบัติการกวาดล้างแก๊งสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งรัฐบาลได้ยกระดับให้เป็น “วาระแห่งชาติ”
- ชี้ว่าปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ไม่ใช่แค่ปัญหาของไทย แต่เป็นภัยคุกคามที่ทุกประเทศทั่วโลกเผชิญ จนต้องยกระดับให้เป็น “วาระแห่งโลก”
- ประเทศไทยได้เข้าร่วมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยเข้าร่วมการประชุม ASEAN–UNESCO และลงนามในอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์
- การดำเนินการครั้งนี้เป็นการบูรณาการการทำงานเชิงรุกระหว่างกระทรวงดีอีและตำรวจ เพื่อเน้นการป้องกัน ปราบปราม และตอบโต้ภัยไซเบอร์อย่างมีประสิทธิภาพ
วานนี้ (27 ตุลาคม 2568) นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานการแถลงผลการดำเนินงานของคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยมี พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) และพล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ร่วมแถลง ณ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
นายไชยชนก กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มุ่งมั่นและให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะ “แก๊งสแกมเมอร์” และ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รัฐบาลจึงได้ยกระดับให้เป็น “วาระแห่งชาติ” พร้อมจัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการฯ เพื่อขับเคลื่อนมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหา Cybercrime ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงในประเทศไทยเท่านั้น แต่กลายเป็นภัยคุกคามที่ทุกประเทศทั่วโลกต่างเผชิญและให้ความสำคัญ โดยต่างยกระดับให้เป็น “วาระแห่งโลก” เพื่อสร้างกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศในการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติที่ซับซ้อนและแพร่หลายมากขึ้น
โดยเป็นการดำเนินต่อเนื่องจากเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา นายไชยชนกได้ร่วมกล่าวถ้อยแถลงในเวทีการประชุม “ASEAN–UNESCO Multistakeholder Forum on the Governance of Digital Platforms” เพื่อหารือแนวทางกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างมีธรรมาภิบาล โดยเน้นหลักสิทธิมนุษยชน ความปลอดภัย และความรับผิดชอบร่วมกันของทุกภาคส่วนในการป้องกันอาชญากรรมออนไลน์
ต่อมา เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2568 รัฐบาลไทยโดยกระทรวงดีอี ยังได้ร่วมลงนามใน อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ ณ ประเทศเวียดนาม ร่วมกับ 68 ประเทศและสหภาพยุโรป (EU) เพื่อสร้างกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศ เสริมสร้างศักยภาพและมาตรการที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ทั่วโลก
การบูรณาการระหว่างกระทรวงดีอี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นการยกระดับการทำงานเชิงรุก เน้นการ ป้องกัน ปราบปราม และตอบโต้ภัยไซเบอร์ อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที
เขาทิ้งท้ายว่า วันนี้ การต่อสู้กับ Cybercrime ไม่ใช่เพียงวาระแห่งชาติของประเทศไทย แต่คือวาระแห่งโลกที่ทุกประเทศต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง รัฐบาลไทยพร้อมใช้ทุกวิถีทางเพื่อจัดการกับภัยสแกมเมอร์ ลดความเสียหายของประชาชน และคืนความปลอดภัยพร้อมความเชื่อมั่นให้กับสังคมไทยอย่างยั่งยืน







