‘เอเซอร์’ แตกธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลัง

‘เอเซอร์’ แตกธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลัง

“เอเซอร์” ปักธงเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ เปิดตัว เอนเนอร์จี้ดริ้งก์ เจาะกลุ่มเกมเมอร์ ครีเอเตอร์ ฐานลูกค้าพรีเดเตอร์ ตั้งเป้ายอดขาย 2 ล้านกระป๋องภายใน 1 ปี วางไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าสำหรับภูมิภาคอาเซียน

นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดพีซีประเทศไทยยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง รับปัจจัยบวกการเวิร์คฟรอมโฮมและเรียนออนไลน์ ปีนี้คาดว่าตลาดจะเติบโตไม่น้อยกว่า 15-20% และจะเติบโตได้มากขึ้นหากไม่มีปัญหาซัพพลายเชน

ปัจจุบัน ปัญหาซัพพลายขาดตลาดยังส่งผลกระทบ ทว่าหากเทียบกับปีที่ผ่านมานับว่าสถานการณ์ดีขึ้นกว่าเดิม บริษัทเองสามารถบริหารได้ดีขึ้น และยอดขายยังคงเติบโต การระบาดของโควิดส่งผลให้ไลฟ์สไตล์ของผู้คนเปลี่ยนไป กิจกรรมออนไลน์เป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น

ข้อมูลจากเอ็ตด้าระบุว่า โควิด-19 ทำให้ผู้คนต้องปรับพฤติกรรมไปที่ออนไลน์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เรียนออนไลน์ ทำงานออนไลน์ รวมถึงความบันเทิงต่างๆ คนส่วนใหญ่ใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ยวันละ 11 ชั่วโมง 25 นาที มีกลุ่มวัยเรียนและวัยทำงานเป็นกลุ่มที่ใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ยต่อวันมากที่สุด ขณะที่ข้อมูลจากเอ็นพีดีกรุ๊ปรายงานว่า ผู้คนใช้เวลาเล่นเกมเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ละ 12.7 ชม. เป็น 14.8 ชั่วโมง

สำหรับ เอเซอร์ ปักธงเป็น “ไลฟ์สไตล์ แบรนด์” นอกจากผลิตภัณฑ์พีซี มุ่งทำตลาดสินค้าที่หลากหลายตอบโจทย์คนยุคใหม่ ล่าสุด เปิดตัวเอนเนอจี้ดริ้งก์ “PredatorShot” ราคากระป๋องละ 20 บาท ชูจุดเด่นมีส่วนผสมหลักคือวิตามินเอช่วยในการบำรุงสายตา พร้อมวางจำหน่ายแล้วในเซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งเป้าว่าภายใน 1 ปี หรือสิ้นปี 2565 จะมียอดขาย 1.5-2 ล้านกระป๋อง

‘เอเซอร์’ แตกธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลัง

เอเซอร์ทำตลาดผลิตภัณฑ์แบรนด์พรีเดเตอร์ในไทยมากว่า 10 ปี จนปัจจุบันเป็นที่ยอมรับสำหรับเกมเมอร์ สตรีมเมอร์ รวมถึงกลุ่มคนทำงานที่ใช้งานผลิตภัณฑ์พรีเดเตอร์ เอเซอร์และพรีเดเตอร์ได้ทำการศึกษา ติดตามพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคทำให้มองเห็นแนวทางที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มธุรกิจ และโอกาสทางการตลาดที่เกี่ยวข้องในเซ็กเมนท์เกมมิ่งอีสปอร์ต อีกทางหนึ่งการระบาดของโควิดทำให้เอเซอร์มองเห็นพฤติกรรมการใช้ชีวิตบนหน้าจอที่มากขึ้น

สำหรับแนวทางการทำตลาด มุ่งเจาะพรีเมียมเซ็กเมนท์ราคาประมาณ 20 บาท ซึ่งจากภาพรวมตลาดที่มีมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้าน กลุ่มนี้มีส่วนแบ่งประมาณ 5-10% เน้นเจาะกลุ่มเกมเมอร์ สตรีมเมอร์ กลุ่มนักศึกษา คนทำงานรุ่นใหม่ที่ต้องใช้สายตาจ้องหน้าจอนานๆ

“ทุกวันนี้ตลาดไอทีค่อนข้างอิ่ม เราจึงได้ผันตัวเองไปเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ โดยจากนี้มองเรื่องเซ็กเมนท์เตชั่น และจะเป็นผู้นำในแต่ละเซ็กเมนท์ การเปิดตัวสินค้าใหม่วันนี้นับเป็นการขยับมาสู่เซ็กเมนท์ใหม่ในฐานตลาดเดิมที่มี เบื้องต้นคงไม่ได้หวังในเชิงยอดขาย แต่เป็นก้าวแรกที่พิสูจน์ได้เห็นถึงการมีฐานลูกค้าชัดเจน สามารถต่อยอดไปยังธุรกิจใหม่ๆ สร้างการเติบโตใหม่ๆ แบบยั่งยืน รวมถึงกระจายความเสี่ยง แทนที่อยู่แต่กับธุรกิจไอทีอย่างเดียว”

อย่างไรก็ดี นอกจากไต้หวันและยุโรป ไทยเป็นประเทศแรกที่เอเซอร์เลือกมาเปิดตลาด เหตุผลหลักมาจากที่บริษัทมีฐานตลาดที่แข็งแรง ในฐานะผู้นำตลาดไอที ประเทศไทยเองมีความพร้อม ภาพของแบรนด์พรีเดเตอร์มีความแข็งแกร่ง ซัพพลายสมบูรณ์ มีฐานการผลิตที่เป็นมาตรฐาน หลังจากนี้หากมีประเทศอื่นๆ สนใจจะให้ไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าของภูมิภาคอาเซียนด้วย

พร้อมระบุว่า ปลายปีนี้คาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนการทำตลาดของสินค้ากลุ่มไลฟ์สไตล์มากขึ้น ด้วยเอเซอร์มีแผนนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้น ตั้งเป้าไว้ว่าสัดส่วนของนิวไลฟ์สไตล์โปรดักส์จะแตะ 15% ภายใน 5 ปี นับจากต้นปี 2565